10 ลิปแมท ยี่ห้อไหนดี 2024 สวย ติดทน ปากไม่แห้ง ไม่ติดแมส

ลิปแมท ยี่ห้อไหนดี
การจะแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางนั้นจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายประเภท เพราะบนใบหน้าของคนเรามีทั้งคิ้วที่เปรียบเสมือนมงกุฎของใบหน้า ตาซึ่งเป็นอวัยวะที่สามารถใช้สื่อสารอารมณ์และความรู้สึกได้ จมูกก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน และปากที่เป็นอวัยวะทรงเสน่ห์และขาดสีสันไม่ได้ จะเห็นได้ว่าเครื่องสำอางแต่ละชนิดถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เมื่อพูดถึงเครื่องสำอางพื้นฐาน หนึ่งในนั้นคงจะขาดลิปสติกไปไม่ได้

ลิปสติก เป็นเครื่องสำอางที่ช่วยมอบสีสัน ความสวยงามและความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก ในปัจจุบันผู้คนมักเร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย การแต่งหน้าที่ทำให้เครื่องสำอางติดทนนานก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา เพื่อลดการเติมหน้าหรือแต่งเพิ่มในระหว่างวัน

เครื่องสำอางอย่างลิปสติกจึงถูกออกแบบขึ้นมาให้ตอบโจทย์กับความต้องการดังกล่าว ลิปสติกเนื้อแมท หรือลิปแมท ถือเป็นลิปสติกประเภทหนึ่งที่สามารถทาแล้วติดทนนาน ซึ่งคุณสมบัตินี้ตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบันได้

บทความนี้จะมาบอกถึงความรู้เกี่ยวกับลิปสติกเนื้อแมท หรือที่หลายคนเรียกจนติดปากว่าลิปแมท นั่นเอง โดยจะกล่าวถึงเครื่องสำอางอย่างลิปสติกนั้นมีกี่ประเภท แต่จะเน้นข้อมูลของลิปแมทเป็นหลักว่าคืออะไร มีลักษณะแบบไหน แตกต่างจากลิปสติกประเภทอื่นอย่างไร รวมถึงวิธีการเลือกซื้อและวิธีการทาลิปให้ติดทนนาน วิธีดูแลริมฝีปาก และข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

สารบัญ

ลิปสติก คืออะไร

ลิปสติก คืออะไร

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับ ลิปแมท เรามารู้กันก่อนว่าลิปสติกนั้นคืออะไร และมีกี่ประเภท ลิปสติก คือ เครื่องสำอางประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ขี้ผึ้ง สารมอบความชุ่มชื้นและสีต่างๆ ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อใช้ทาเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับริมฝีปาก

รวมถึงทำหน้าที่ในการบำรุงและป้องกันปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับริมฝีปากได้อีกด้วย ถือเป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งที่สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทและมีหลายสี โดยแต่ละประเภทจะมีองค์ประกอบต่างๆ และวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน จัดเป็นเครื่องสำอางที่คนทั่วโลกใช้และรู้จักกันเป็นอย่างดี

ลิปสติกมีกี่ประเภท

โดยหลักๆ ลิปสติกแบ่งได้ 8 ประเภท ดังนี้

1. ลิปสติกเนื้อแมท

ลิปสติกเนื้อแมท

เนื้อสัมผัสมีความแห้งเป็นพิเศษ ทาแล้วติดทนนาน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ติดแมส ทาแล้วปากไม่แห้ง โดยส่วนมากสีของลิปแมทจะมีความเข้มและดูชัด ไม่มันวาว โดยมีทั้งแบบแท่งและแบบจิ้มจุ่ม

2. ลิปสติกเนื้อครีม

ถือได้ว่าเป็นลิปสติกที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน เนื้อครีมแต่ละยี่ห้อย่อมมีความแตกต่างกัน จะมีทั้งแบบบางเบาและหนา แต่เนื้อครีมมักจะมีความนุ่ม และให้สีที่ชัดเจน ทำให้ปากไม่แห้ง โดยในปัจจุบันจะนิยมใส่ส่วนผสมที่ช่วยบำรุงริมฝีปากด้วย

3. ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน

เป็นลิปสติกประเภทหนึ่งที่เน้นความมันวาว โดยมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบมากพอสมควร จึงทำให้ดูมันเงา แต่ประสิทธิภาพในการปกปิดอยู่ในระดับต่ำ เหมาะสำหรับแต่งลุคเบาๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติ

4. ลิปสติกเนื้อชายน์

เป็นลิปสติกที่อาจไม่ติดทนมากนัก มักจะมีการผสมกลิตเตอร์ลงไปด้วย ซึ่งเพิ่มความมันวาวเมื่อนำไปทาริมฝีปาก เหมาะสำหรับลุคธรรมชาติที่ดูเบาๆ แต่เพิ่มเสน่ห์ด้วยความมันวาว

5. ลิปทินต์และลิปกลอส

เป็นลิปสติกที่นิยมใช้คู่กัน โดยลิปทินต์จะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา แต่สามารถติดได้ทนนาน ซึ่งหลังจากทาลิปทินต์แล้วก็สามารถเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากด้วยลิปกลอสได้ สำหรับลิปกลอสนั้นจัดว่าเป็นลิปสติกที่มีเนื้อเหลวมากเป็นพิเศษ สามารถใช้ทาในระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากได้

6. ลิปไลเนอร์

ลิปไลเนอร์

เป็นลิปสติกที่ถูกออกแบบมาเพื่อเขียนขอบปาก เพื่อสร้างความคมชัดแก่ริมฝีปากให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้ขอบปากชัดขึ้นได้

7. ฟรอสตีลิปสติก

เป็นลิปสติกที่เนื้อมีความมันวาว มักมีการผสมผสานระหว่างสีขาวและสีทอง คู่ควรกับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากมีความมันวาวประกาย โดยเฉพาะริมฝีปากที่มีขนาดบาง หากใช้ลิปสติกประเภทนี้จะช่วยทำให้ปากดูหนาขึ้น

8. ลิปบาล์มหรือลิปมัน

เป็นลิปสติกประเภทหนึ่งที่ไม่ได้เน้นสีสันหรือความสวยงามนัก ซึ่งอาจจะมีสีหรือไม่มีเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ แต่โดยส่วนมากจะเป็นลิปสติกที่ใช้ทาเพื่อบำรุงผิวริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น นอกจากนี้ลิปกันแดดยังมีการเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยบำรุงไม่ให้ปากแห้งอีกด้วย

ลิปแมท คืออะไร

ลิปแมท คืออะไร

เครื่องสำอางกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน หากเป็นสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าแล้วนั้น เชื่อเลยว่ามีเครื่องสำอางเต็มกระเป๋าอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสุขสำหรับผู้หญิงเลย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อ ที่ดัดขนตา , บลัชออน , อายไลน์เนอร์ , รองพื้น , ขนตาปลอม , แป้งปัดแก้ม , ดินสอเขียนคิ้ว , อายแชโดว์ , มาสคาร่า และอื่นๆ อีกมากมาย

และสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนขาดไม่ได้เลยก็คือลิปสติก และลิปสติกที่ติดทนนาน สาวๆ นิยมใช้กันมากที่สุด ก็คือ ลิปแมท หรือลิปสติกเนื้อแมท คือ ลิปสติกประเภทหนึ่งที่มีเนื้อแห้ง ถูกผลิตและออกแบบมาเพื่อเน้นความสบายปากสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ ซึ่งมักจะมีสีที่คมชัด ติดทนนาน มีเนื้อกำมะหยี่ และไม่เลอะง่าย

จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการทาลิปสติกซ้ำจากการหลุดลอกในระหว่างวัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารและดื่มน้ำ อย่างไรก็ตามลิปแมทนั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน สำหรับคนปากแห้ง มีปัญหาปากแตก และเป็นขุยควรหลีกเลี่ยง

ลิปแมทมีกี่ประเภท

1. ลิปแมทแบบแท่ง

เป็นลิปสติกที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแบบแท่ง ซึ่งถือเป็นบรรจุภัณฑ์แบบคลาสสิกที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน ลักษณะจะเหมือนลิปสติกทั่วไป เนื้อลิปสติกมีความแห้ง และไม่เหลวเหมือนกับลิปเนื้อแมทแบบจิ้มจุ่ม ถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่สาวๆ ขาดไม่ได้ที่พกพาสะดวกและใช้งานได้ง่าย เพียงแค่เปิดฝาแล้วหมุนตัวลิปขึ้นมาก็สามารถใช้ทาริมฝีปากได้ทันที

2. ลิปแมทแบบจิ้มจุ่ม

ลิปแมทแบบจิ้มจุ่ม
ภาพจาก shopat24.com

ลิปเนื้อแมทประเภทนี้มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นหลอดและแปรงในตัวที่มีไว้ใช้สำหรับทาริมฝีปาก ลิปเนื้อแมทจะมีความเหลว บางเบา แต่ถึงแม้ว่าจะบางเบา สีของลิปเนื้อแมทก็ยังคงคมชัด ทาแล้วติดทนนาน ถือว่าใช้งานง่ายไม่แพ้ลิปเนื้อแมทแบบแท่ง อีกทั้งยังสามารถใช้แปรงในการเกลี่ยเนื้อลิปสติก และช่วยให้การทาลิปสติกถนัดมือมากขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อดีของลิปเนื้อแมทแบบจิ้มจุ่ม

ลิปแมท กับ ลิปกลอส ต่างกันอย่างไร

ลิปแมท เป็นลิปสติกเนื้อแห้ง และมีความชัดของสีพอสมควร เมื่อทาแล้วเนื้อลิปสติกจะติดทนนาน สีชัด ติดทานนานมากกว่า 12 ชั่วโมง ไม่หลุดลอกง่ายเหมือนลิปสติกทั่วไป แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวปากแห้งนัก จึงตอบโจทย์สาวๆ ที่ไม่ต้องการเติมลิปสติกระหว่างวัน

ส่วนลิปกลอสจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก เนื้อฉ่ำ มีความมันวาว ทำให้ริมฝีปากดูสวยอวบอิ่มเป็นธรรมชาติน่ามอง อาจมีสีหรือไม่มีก็ได้ นิยมใช้แต่งหน้าในลุคธรรมชาติ และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวริมฝีปากด้วย เมื่อนำคุณสมบัติของลิปสติกทั้ง 2 ประเภทมาเปรียบเทียบก็จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร

วิธีเลือกซื้อลิปแมท

การเลือกซื้อลิปแมท

1.เลือกซื้อตามสีผิว

การทาลิปสติก ไม่ว่าจะเป็นลิปเนื้อแมทหรือลิปสติกประเภทใดก็ตาม การเลือกใช้ให้เหมาะกับสีผิวของตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะแต่ละสีจะให้ความสวยและความรู้สึกที่แตกต่างกัน และคนเรามีสีผิวหลายเฉดสี ดังนั้นจึงควรเลือกสีของลิปสติกที่ทาแล้วส่งเสริมริมฝีปากให้ดูดีขึ้น โดยสามารถแบ่งเฉดสีผิวออกได้ดังนี้

  • ผิวคล้ำ ผู้ที่มีผิวคล้ำจะมีเม็ดสีน้ำตาลในผิวค่อนข้างเยอะพอสมควร ดังนั้นหากจะเลือกสีลิปเนื้อแมทก็ต้องควรเลือกให้แตกต่างจากสีผิวอื่นๆ เพราะสีผิวมีความเข้มกว่า แนะนำให้เลือกซื้อลิปเนื้อแมทเฉดสีดาร์กบราวน์ เฉดสีน้ำตาลและเฉดสีแดงก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับลุคที่ต้องการแต่ง
  • ผิวสองสี สำหรับผู้ที่มีผิวสองสี หรือผิวสีน้ำผึ้ง ซึ่งถือว่าเป็นสีผิวอีกหนึ่งเฉดที่สวยมากเลยทีเดียว โดยสีของลิปเนื้อแมทที่เหมาะนั้นก็จะเป็นพวกสีนู้ด นู้ดน้ำตาล หรือนู้ดส้มอิฐ ควรหลีกเลี่ยงการทาลิปเนื้อแมทที่เป็นสีสว่างมากๆ เพราะดูไม่เข้ากับสีผิวนัก
  • ผิวขาวเหลือง ผู้ที่มีผิวสีขาวเหลืองจัดว่าเป็นสีผิวที่สว่างเทียบเคียงกับผิวขาว แต่จะมีปริมาณเม็ดสีเหลืองอยู่ในผิวค่อนข้างเยอะกว่า ดังนั้นควรเลือกเป็นสีสว่างแต่ไม่เหลือง ไม่ว่าจะเป็นสีชมพูบานเย็น ชมพูน้ำตาล ส้มอิฐ และแดงอมส้ม โดยเฉดสีเหล่านี้จะสามารถแต่งได้หลายลุค หากจะแต่งลุคไหนก็ควรเลือกสีลิปให้เข้ากัน
  • ผิวขาว ถึงแม้ว่าจะเป็นสีผิวที่ใช้ได้ทุกเฉดสี แต่ก็ต้องเลือกให้ดี เพราะคนผิวขาวหลายคนมักจะประสบกับปัญหาปากซีดเมื่อใช้ลิปสติกสีอ่อน เพราะฉะนั้นหากจะเลือกสีที่ทำให้ริมฝีปากดูโดดเด่น และเสริมลุคที่แต่งก็ต้องเลือกให้เหมาะสม สำหรับผู้ที่ต้องการลุคอ่อนหวานก็ควรเลือกสีนู้ด หรือหากต้องการลุคที่ดูเปรี้ยวและแข็งแรง ก็เลือกสีน้ำตาลเข้ม และสีแดงได้

2.เลือกซื้อตามประเภทของลิปแมท

หากจะเลือกซื้อลิปเนื้อแมทก็ควรพิจารณาถึงความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เพราะลิปแมท 2 ประเภทใช้งานแตกต่างกัน หากต้องการลิปเนื้อแมทแบบเนื้อแห้ง ไม่เหลว ก็ควรเลือกลิปเนื้อแมทแบบแท่ง แต่ถ้าต้องการลิปแมทที่เนื้อเหลวขึ้นมาหน่อยก็ควรเลือกลิปเนื้อแมทแบบจิ้มจุ่ม ซึ่งจะมีแปรงที่ใช้เกลี่ยได้ด้วย เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อให้ตรงกับความต้องการในการใช้งาน

3.เลือกซื้อยี่ห้อที่มีคุณภาพ

ถึงแม้ว่าการทาลิปประเภทเนื้อแมทจะลดการหลุดลอกของลิปสติกได้ระหว่างวัน  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลิปเนื้อแมททุกยี่ห้อจะมีคุณภาพเหมือนกัน ดังนั้นหากต้องการลิปเนื้อแมทที่ทาริมฝีปากแล้วติดทนนาน ไม่หลุดลอกระหว่างวัน ก็ควรพิจารณายี่ห้อที่มีคุณภาพ มีการรับรองจาก อ.ย. ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่แพง แต่เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าในการใช้งานแล้วยังไงก็คุ้ม หรือเข้าดูรีวิวก่อนเลือกซื้อ ที่ไม่รีวิวเกินจริงจนเกินไป

4. เลือกซื้อยี่ห้อที่มี่มีส่วนผสมของสารเคมี

การเลือกซื้อลิปสติกแต่ละแท่ง นอกจากจะต้องเลือกตามเฉดสีผิวของแต่ละคนแล้ว ก็ควรที่ตรวจสอบดูว่ามีส่วนผสมของสารเคมีหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรใส่ใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยสารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ สารกันเสีย และสารจากน้ำหอม สารเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณภาพของลิปสติกไม่ให้เสื่อมสภาพลงง่าย แต่อย่างไรก็ตามสารเหล่านี้หากได้รับเป็นเวลานานจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้

วิธีทาลิปแมทให้ติดทนนาน

วิธีทาลิปแมทให้ติดทนนาน
  • สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีปัญหาริมฝีปากแห้งแตก หรือเป็นขุย ควทาลิปบาล์มลงบนริมฝีปากเพื่อเป็นการบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้นก่อน เนื่องจากลิปแมทมีเนื้อค่อนข้างแห้งพอสมควร ให้ทาลิปบาล์มไว้สักพัก จากนั้นทำการทาลิปเนื้อแมททับไปอีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดอาการปากเป็นขุยได้ด้วย
  • หลังจากทาลิปเนื้อแมทเสร็จแล้ว หากต้องการให้เนื้อลิปสติกติดทนนาน สามารถใช้แป้งพัฟมาแตะหรือซับลงบริเวณริมฝีปากทับลิปเนื้อแมทลงไป จะช่วยให้คงสภาพอยู่ได้นานขึ้น เพราะเนื้อแป้งจะควบคุมความแห้งของลิปสติกไว้นั่นเอง ซึ่งถ้าหากต้องการให้ติดทนนานยิ่งขึ้นก็ให้ทำซ้ำๆ
  • หลังจากรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำแล้ว ลิปสติกที่ทาบนริมฝีปากมักจะมีการหลุดลอกออกบางส่วน สิ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือทาลิปเนื้อแมทเพิ่มหลังจากทานอาหารเสร็จในทันที ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางมาเช็ดลิปเนื้อแมทอันเก่าออกก่อน หลังจากนั้นค่อยทาลงไปใหม่
  • ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีกปาก หากอยากให้ลิปเนื้อแมทติดทนนานตลอดวันแล้ว ยังต้องบำรุงความชุ่มชื้นให้กับปากอยู่เสมออีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ปากแห้งหรือปากลอกขุย ควรเลือกลิปบาล์มที่มี SPF จะช่วยบำรุงริมฝีปากไม่ให้หมองคล้ำได้

วิธีการบำรุงริมฝีปาก

1. สครับริมฝีปาก

สำหรับผู้ที่มีปัญหาปากแห้งแตก และเป็นขุย ก่อนที่จะทาลิปแมทควรรักษาอาการเหล่านี้ให้หายก่อน โดยเลือกใช้สครับที่มีแบบสำเร็จรูป หรือเลือกใช้น้ำผึ้ง วาสลีน ทาลงไปบนริมฝีปากหนาๆ รอสักพักและทำการสครับเบาๆ และเช็ดออกด้วยทิชชูเปียก วิธีนี้จะช่วยให้ขุยที่ปากหลุดออกได้ แนะนำให้ควรสครับริมฝีปากอย่างน้อยอาทิตย์ละ1-2ครั้ง

2. ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก

ลิปบาล์ม

ขั้นตอนหลังจากสครับปากเสร็จแล้ว แนะนำให้บำรุงด้วยลิปบาล์ม เพราะลิปบาล์มจะมีส่วนผสมของวิตามินซี ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งหรือแตกได้ โดยใช้ลิปบาล์มทาลงบนริมฝีปากเพื่อไปฟื้นฟูผิวที่ผ่านการสครับ หรือผิวที่แห้งได้รับความชุ่มชื้น ทาลิปบาล์มลงบนริมฝีปากและรอสักพัก จากนั้นใช้กระดาษทิชชูค่อยๆ ซับออก

3. ดื่มน้ำสะอาด

หลายคนอาจสงสัยว่าการดื่มน้ำจะช่วยอะไร ต้องบอกว่าน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่มนุษย์ขาดไม่ได้ เพราะน้ำมีส่วนช่วยในการดูแลให้ผิวมีความชุ่มชื้น และอีกสาเหตุหนึ่งที่หลายคนมีอาการปากแห้ง หรือเป็นขุยอยู่บ่อย ๆ ก็เกิดจากร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นควรดื่มน้ำเป็นประจำ วันละ 8-10 แก้ว และน้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำสะอาด สุขภาพดีแถมช่วยบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น ช่วยลดอาการปากแห้ง ปากลอกได้อีกด้วย

4. แปรงริมฝีปาก

การแปรงริมฝีปากด้วยแปรงสีฟันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผิวบริเวณริมฝีปากเนียนนุ่ม ดูสุขภาพดี และยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมากนัก เพียงแค่ใช้แปรงสีฟันแปรงบริเวณริมฝีปากในทุกเช้าหรือเย็นหลังแปรงฟัน ก็จะช่วยทำความสะอาดให้ปากดูสดใสขึ้น ทั้งช่วยขัดเซลล์ผิวหรือความหมองคล้ำของริมฝีปากให้หลุดออกไปได้

5. ทำความสะอาดริมฝีปากให้หมดจด

การทำความสะอาดริมฝีปากนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่แต่งหน้าและทาลิปสติกเป็นประจำ ควรลบลิปสติกออกด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอาง และล้างด้วยน้ำสะอาด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเนื้อลิปสติกติดค้าง โดยเฉพาะลิปเนื้อแมทที่ล้างออกได้ยาก ต้องพยายามล้างออกให้สะอาดอย่างหมดจด แนะนำให้ใช้เป็นครีมสำหรับใช้ลบลิปสติกโดยเฉพาะ เนื่องจากว่าคลีนซิ่งหรือน้ำเปล่าอาจจะลบออกยาก

ทาลิปบาล์มทับลิปแมทได้หรือไม่

ด้วยความที่ลิปแมทเป็นลิปเนื้อแห้ง จึงไม่เหมาะกับริมฝีปากที่มีอาการแห้ง แตก หรือเป็นขุย เพราะถ้าหากทาก็จะยิ่งทำให้ปากแห้ง ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจึงควรแก้ไขหรือรักษาให้ปากมีความชุ่มชื้นในระดับหนึ่งก่อน แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าวก็ควรทาลิปบาล์มลงไปก่อนที่จะทาลิปเนื้อแมท

แต่ไม่แนะนำให้ทาลิปบาล์มทับลิปเนื้อแมท เพราะอาจทำให้เนื้อลิปสติกหลุดลอกได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของผู้ใช้ลิปเนื้อแมท ที่ต้องการให้มีลิปอยู่ติดทนนาน แต่ในกรณีที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและลิปเนื้อแมทติดทนมากอยู่แล้วก็สามารถใช้ลิปบาล์มทาทับได้

สอนทาลิปแมท ยังไงให้ไม่เป็นคราบ

ขอบคุณช่องยูทูป Beauty Mouthsy

สรุป

จะสังเกตได้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างลิปสติกนั้นมีหลากหลายประเภทมาก ซึ่งแต่ละประเภทนั้นถูกออกแบบมาให้มีความแตกต่างกัน ลิปแมท ถือเป็นลิปสติกประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้า รักในการซื้อเครื่องสำอาง โดยมีคุณสมบัติอันโดดเด่นคือทาแล้วติดทนนานกว่าลิปสติกทั่วไป ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์คนในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะสำหรับทุกคน อย่างไรก็ตามการเลือกประเภทและสีของลิปสติกที่เหมาะกับตนเองคือสิ่งที่ดีที่สุด

ลิปแมท SRICHAND

ลิปแมท ศรีจันทร์
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 1.5 กรัม
-สามารถเลือกสีได้มากถึง 10 สี ใช้งานง่าย
-เนื้อ Powdery matte สัมผัสเบาสบายพร้อมมอบสีแน่นชัด

ลิปแมท Maybelline

ลิปแมท เมย์เบลลีน
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 5 มิลลิลิตร
-เนื้อบางเบา ไม่ตกร่อง ไม่หนักปาก
-สีสดชัด จูบไม่หลุดติดยาวนานถึง 16 ชั่วโมง

ลิปแมท MAC

ลิปแมท แมค
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 3 กรัม
-ช่วยริมฝีปากดูชุ่มชื้นยาวนาน สัมผัสที่เบาสบาย
-ช่วยเบลอร่องริมฝีปากและให้ผลลัพธ์ริมฝีปากที่ดูเรียบเนียน

ลิปแมท Baby Bright

ลิปแมท เบบี้ไบร์ท
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2.4 กรัม
-เนื้อเนียนนุ่มละมุน เกลี่ยง่าย ไม่ตกร่อง
-ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น คงความยืดหยุ่นแข็งแรง

ลิปแมท L'Oreal

ลิปแมท L'Oreal
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 6.4 มิลลิลิตร
-เนื้อฉ่ำสัมผัสบางเบา สบายปาก มอบความชุ่มชื้น
-หัวแปรงลิปสติกถูกออกบบมาให้ใช้แต่งแต้มได้ง่าย

ลิปแมท 4U2

ลิปแมท 4U2
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 3.5 มิลลิลิตร
-เนื้อแป้ง แมทเนียนนุ่ม สามารถเลือกสีได้มากถึง 12 สี
-สูตรเกลี่ยง่าย ไม่ตกร่อง สามารถทาได้ทั้งปาก แก้ม ตา

ลิปแมท Goldberry

ลิปแมท โกลด์เบอร์รี่
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 7 กรัม
-เหมาะสำหรับผิวริมฝีปากที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
-สูตรสีสดชัดบางเบาจากญี่ปุ่น ปราศจากสารระคายเคือง

ลิปแมท NAREE

ลิปแมท นารี
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 3 มิลลิลิตร
-ช่วยเติมเต็มร่องปากให้ปากดูสุขภาพดี
-สูตรใหม่เนื้อเนียนนุ่มละมุน เม็ดสีแน่นชัดติดทนนาน

ลิปแมท Meilinda

ลิปแมท Meilinda
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2.3 กรัม
-สามารถเลือกสีได้มากถึง 10 สี
-เม็ดสีสดชัด ติดทนนาน กันน้ำ เกลี่ยง่าย

ลิปแมท Cathy Doll

ลิปแมท Cathy Doll
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2.1 กรัม
-ช่วยปรับให้ริมฝีปากแลดูกระจ่างใส
-กลิ่นหอม มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก

Best Choice ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า