สำหรับคอกาแฟหลายคนที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ มักจะชอบดื่มกาแฟจากการบด เมล็ดกาแฟ สด ๆ กันมากกว่าดื่ม กาแฟสำเร็จรูป เพราะกาแฟที่บดจากเมล็ดกาแฟจะให้ความรู้สึกถึงรสชาติกาแฟอย่างแท้จริง ยิ่งบดในเครื่องบดกาแฟด้วยแล้ว ยิ่งให้ความฟินสุด ๆ เมื่อได้ดื่มกาแฟสด ๆ จากเครื่องบดกันเลย
กาแฟ คืออะไร
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกาแฟคั่ว ได้จากต้นกาแฟ นิยมดื่มร้อน ๆ แต่สามารถดื่มแบบเย็นได้ด้วย บางครั้งนิยมใส่ นมพร่องมันเนย หรือ ใส่ ครีมเทียม ตามด้วย วิปปิ้งครีม ลงในกาแฟด้วย
และเพื่อเพิ่มความเย็นของกาแฟเย็นสามารถใส่ใน แก้วเยติ ได้ยิ่งอร่อยถึงใจ ซึ่งในกาแฟหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 80-140 มิลลิกรัม ไมว่าจะชงจากไหนก็ตาม เครื่องชงกาแฟสด หรือ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ก็อร่อยละมุน ได้กาแฟสดแท้ ๆ มีแรงทำงานขึ้นมาทันที
กาแฟมีสายพันธุ์อะไรบ้าง
กาแฟมีมากกว่า 6000 พันธุ์ แต่สายพันธุ์หลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมมี 2 พันธุ์ ได้แก่ กาแฟอาราบิก้า เป็นกาแฟแบบดั้งเดิม มีรสชาติดี ตามมาด้วยกาแฟโรบัสต้า มีปริมาณคาเฟอีนสูง ปล. กาแฟขี้ชะมด เป็นกาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
ถือกำเนิดจากประเทศอินโดนีเซีย บนเกาะสุมาตรา กระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ให้รสชาติของสุดยอดกาแฟที่ถือว่าสุด ๆ แล้ว เพราะเป็นกาแฟที่ราคาแพงและหายากที่สุด
เครื่องบดกาแฟ คืออะไร
เป็นเครื่องมือสำหรับบดเมล็ดกาแฟ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการชงสกัดน้ำกาแฟ เครื่องบดกาแฟมีทั้งแบบอุตสาหกรรม และแบบเครื่องบดมือหมุน พกพาไปใช้ได้ตามสถานที่ต่าง ๆได้
ข้อดีของการดื่มกาแฟ
1.ลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่ว
ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีลดลงประมาณ 25% ส่วนผู้ชายที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย
2.ช่วยลดความเครียด
เมื่อรู้สึกเครียดทีไร ได้จิบกาแฟสักหน่อยจะรู้สึกดีขึ้น คราวนี้เราการันตีด้วยผลการวิจับเพิ่มเติมอีกด้วยว่า คนที่ดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน จะลดความเครียดไปประมาณ 15% หากดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะสามารถลดความเครียดได้ถึง 20% เลยทีเดียว
3.ห่างไกลจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2
นักดื่มกาแฟตัวยงจะมีโอกาสรอดพ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 50% เนื่องจากคาเฟอีนมีคุณสมบัติช่วยยับยั้ง hIAPP และโพลีเปปไทด์ ซึ่งเป็นตัวการก่อให้เกิดโปรตีนผิดปกติ เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั่นเอง
4.ช่วยกระตุ้นสมองและความจำ
หากดื่มกาแฟสองแก้วต่อวัน จะสามารถพัฒนาความจำและปฏิกิริยาตอบโต้ได้ดีขึ้น สอดคล้องกับการวิจัยของอีกสถาบันหนึ่งที่บอกว่า ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป หากดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อวัน จะมีความจำที่ดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟน้อยกว่านี้
5.ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง
มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-5 แก้วต่อวันจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับได้ด้วย โดยประสิทธิภาพของคาเฟอีนจะช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ผิดปกติ และกำจัดสารพิษที่ร่างกายได้รับได้ในระดับหนึ่ง
6.ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม อาจจะทำให้น้ำหนักคุณลดลงได้ ล่าสุดการวิจัยเมื่อปี 2006 ได้ข้อสรุปว่า คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟสดคั่วบดมีผลกับการลดน้ำหนักในผู้หญิงได้จริง และสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ถึง 7.7 กิโลกรัมภายใน 22 สัปดาห์
7.ลดความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน
สถาบันการแพทย์อเมริกันได้ทำการวิจัย พบว่าคาเฟอีนในกาแฟมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน โดยผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคพาคินสันได้ถึง 25%
ประเภทจานบดกาแฟ
จานบดแบบ Conical Burr
เป็นเครื่องบดที่มีฟันบดสองชิ้น ลักษณะทรงกรวยคว่ำ และแกนกลวง จะสวมเข้ากันได้พอดี โดยสามารถปรับความหยาบ ความละเอียดของการบดได้ ด้วยการปรับระยะห่างของฟันบดชั้นบนให้สูงหรือต่ำ เป็นตัวหมุนเพื่อบดกาแฟลงมาด้านล่าง กาแฟจะค่อย ๆ ถูกบดลงมาด้านล่าง
จานบดกาแฟ Blade Grinder
การบดเมล็ดกาแฟจะใช้หลักการปั่นให้เมล็ดกาแฟแตกละเอียด ทั้งนี้ขึ้นกับการบด และระยะเวลาในการปั่น หากปั่นนานจะมีกาแฟที่ละเอียดมาก ข้อเสียของการบดแบบ Blade Grinder คือ กาแฟจะบดละเอียดไม่เท่ากันทุกครั้งที่มีการปั่น ผงกาแฟจะมีทั้งเกร็ด เป็นเม็ด และ ผงที่เป็นแป้ง ๆ ผสมกันออกมา
เครื่องบดกาแฟนี้ไม่แนะนำมาใช้บดเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ซึ่งจะเหมาะกับการชงแบบ FrechPress มากกว่า
เครื่องบดแบบ Flat Burr
เป็นเครื่องบดที่มีฟันบดสองชิ้น ลักษณะเป็นวงกลมมีรูกลวงตรงกลาง ประกอบกันโดยเมื่อเมล็ดกาแฟผ่านระหว่างฟันบดสองชิ้นก็จะถูกบดออกมา โดยจานบดชิ้นล่างจะมีหน้าที่ในการหมุนบด ส่วนชิ้นบดมีหน้าที่ในการปรับขึ้นลงเพื่อกำหนดระยะห่างระหว่างจากบดทั้งสองอัน จะได้กาแฟที่ถูกแรงหมุนของจานบดล่าง เหวี่ยงดันผงกาแฟออกรอบ ๆ และถูกกวางให้ลงมาในช่องปล่อยกาแฟ
รสชาติที่ได้จากเครื่องบด Flat Burr จะมีความเข้มหนักมาก เพราะจานบดกาแฟจะมีการบดกาแฟออกมาโดยมี Particle ที่ละเอียดเป็นเกล็ด และมีแป้ง ๆ ปนออกมาบ้าง เป็นที่นิยมจากคนรักกาแฟมาก
ประเภทของเครื่องบดกาแฟ
ก่อนเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟ ควรถามตัวเองว่าเครื่องบดกาแฟแบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเรา ไม่ว่าจะเครื่องบดกาแฟแบบครบวงจรเหมือนร้านกาแฟดัง ๆตั้งแต่ขนาดใหญ่ หรือเป็นร้านเล็กๆ หรือ เครื่องบดกาแฟแบบง่าย ๆ ใช้ตามบ้าน
หรือ แบบใช้ตัวกรอง รวมถึงเครื่องบดกาแฟแบบใช้ตัวกรอง เครื่องบดกาแฟที่บดเมล็ดกาแฟได้เองไปในตัว เครื่องชงกาแฟแคปซูล หรือต้องการความเรียบง่ายก็แบบ เครื่องบดกาแฟมือหมุน เครื่องบดกาแฟแบบอัตโนมัติ ซึ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่เราจะมาแนะนำประเภทของเครื่องบดกาแฟมาให้ท่านทราบกัน
1.เครื่องบดกาแฟมือหมุน
มีวิธีการบดในแบบดั้งเดิม ขณะที่ใช้เวลาและมีความยากในการบดเพื่อวัตถุดิบที่ดี รสชาติที่ได้จะเป็นแบบดั้งเดิม
1.เครื่องบดกาแฟแบบมือหมุนระดับ Hi-end
เป็น เครื่องบดกาแฟมือหมุน โดยมีตัวบดทั้งหมดทำจากแกนเจียรสแตนเลสที่มีความคมสม่ำเสมอ หัวตัดสแตนเลส เพลากลางแบริ่งคู่ ภายในสามารถปรับความหยาบและความละเอียดได้ ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการชงกาแฟ มีลักษณะการใช้งานเครื่องบดกาแฟแบบมือหมุนเหมาะสำหรับใช้ในบ้าน สำนักงาน เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการพักผ่อน
1.2 เครื่องบดกาแฟเซรามิค
เครื่องบดกาแฟเซรามิค ตัวเครื่องจะมีน้ำหนัก 208 กรัม จะใช้สกรูด้านบนของเครื่องเพื่อควบคุมความละเอียดในการบดของเมล็ดกาแฟ ทำมาจากแก้วคริสตัล มีความทนต่ออุณหภูมิ ความต้านทานการสึกหรอได้ดี สามารถทำกาแฟบดเป็นประจำทุกวัน ง่ายต่อการพกพาไปในเที่ยวเดินป่า ตั้งแคมป์
1.3 เครื่องบดกาแฟแบบมืออาชีพ
เครื่องบดกาแฟแบบมืออาชีพ จะช่วยประหยัดแรงงาน สามารถรับผงกาแฟในความละเอียดที่แตกต่างกันด้วยเสี้ยนเซรามิคที่ปรับได้ นอกจากนี้ยังบดธัญพืช พริกไทย งาได้อีก
1.4 เครื่องบดกาแฟมือหมุนโบราณ
เป็นเครื่องที่สามารถปรับระดับความหยาบ ความละเอียดให้เหมาะกับวิธีการชงแบบต่าง ๆ มีอุปกรณ์เป็น
ไม้รูปทรงคลาสสิค มีฝาปิดด้านบนกับเมล็ดกาแฟกระเด็นเวลาบด เป็นเครื่องที่มีลักษณะตัวเครื่องทำจาก
โลหะและไม้แบบพวงมาลัย โบราณ แบบมือหมุน มีความทนทานพิเศษ เครื่องมีขนาดเล็กน้ำหนักเบาและ
พกพาสะดวก
1.5 เครื่องบดกาแฟแบบแมนนวล
เครื่องที่บดกาแฟเทียบกับการแตกเมล็ดกาแฟ โดยใช้เครื่องบดใบมีดที่เป็นโม่เซรามิค เสี้ยนเซรามิกไม่
ถ่ายเทความร้อน เป็นเครื่องบดกาแฟมือขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า หรือ แบตเตอรี่ ใบมีดมีความแข็งแรง
ทนทาน ถึงแม้จะมีความคมน้อยกว่าใบมีดเหล็ก แต่คงรูปและใช้งานได้ยาวนาน
2. เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า
เป็นเครื่องบดเมล็ดกาแฟขนาดกลางและขนาดใหญ่แบบอุตสาหกรรม มีความทนทานต่อการทำงาน
สามารถบดได้ในปริมาณเยอะ สามารถบดกาแฟติดต่อกันได้หลายชั่วโมงต่อวัน ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนกล
ไกล นิยมใช้ในร้านกาแฟ คาเฟ่ แต่แบบเคลื่อนที่ก็มีเหมือนกัน โดยใช้มอเตอร์ในการทำงาน มีเครื่องบด
กาแฟไฟฟ้าอะไรบ้าง
2.1 เครื่องบดกาแฟเชิงพาณิชย์ พร้อมด้วยหินบด
เครื่องบดนี้มีกำลังไฟมากกว่าและการบดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ยังมีฟังก์ชันบดกาแฟอัตโนมัติอีกด้วย
ปรับระดับได้ 10 ระดับ สามารถหมุนซ้ายหรือขวาได้ความจุถึง 250 กรัม
2.2 เครื่องบดกาแฟเสี้ยนกรวย
เครื่องบดกาแฟลักษณะนี้เหมาะสำหรับการประมวลผลกาแฟ เครื่องใช้หลักการชนิดแรงเหวี่ยงเทคโนโลยี
ขั้นสูงที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การทำงานง่ายและการบำรุงรักษาง่าย มีความแข็งแรงทนทาน บดได้อย่าง
ง่ายดาย
2.3 เครื่องบดกาแฟเสี้ยนบดมืออาชีพแบบมีโถพักผงกาแฟ
ใช้กับเครื่องชงที่มีโดลเซอร์ หรือ ไม่มีโดลเซอร์ก็ได้ เครื่องกาแฟนี้ออกแบบมาสำหรับใช้ในบ้าน ซึ่งเครื่อง
บดกาแฟเชิงพาณิชย์มักจะมีฟังก์ชันโดลเซอร์ ยกเว้นเครื่องบดกาแฟเชิงพาณิชย์ที่สร้างขึ้นสำหรับร้าน
กาแฟ ที่ใช้เครื่องบดกาแฟเพื่อบดขายด้วย เหมาะสำหรับเฉพาะคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
2.4 เครื่องบดกาแฟเหมาะสำหรับที่บ้าน
เครื่องบดกาแฟสด สามารถปรับระดับของการบดได้ตามขนาดที่ต้องการ สามารถบดได้ครั้งละ 100 กรัม –
150 กรัม สามารถบดเมล็ดกาแฟคั่วได้ง่าย ๆ เหมาะสำหรับการบดหยาบ และบดละเอียดได้มากถึง 8
ระดับ เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับใช้ที่บ้าน
คุณสมบัติของเครื่องบดกาแฟ
- เครื่องบดกาแฟสามารถปรับความละเอียดได้แบบถี่มาก เราสามารถกำหนดความละเอียดของเมล็ดกาแฟได้อย่างที่ต้องการ โดยทำให้ผู้ชงสามารถเข้าไปควบคุมเวลาไปการสกัดกาแฟด้วยเหมาะสม ถ้าเครื่องบดที่ไม่สามารถปรับความละเอียดเป็นเบอร์ 8 2 ได้ก็ไม่สามารถเข้าไปกำหนดเวลาให้ได้ 23 วินาที หรือใกล้เคียงกับ 25 วินาทีได้
- เครื่องบดกาแฟสามารถบดกาแฟออกมาได้รสชาติที่ดี ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับจานบดกาแฟ รูปแบบฟันบนจานบดแต่ละแบรนด์ก็จะมีรูปแบบที่ต่างกัน ซึ่งการออกแบบจานบดกาแฟที่ดีคือ ลดการเกิด Channeling ให้มากที่สุด เพื่อให้กาแฟได้มีการสกัดทั่วถึงที่สุด
- Channeling มีข้อเสียของการเกลี่ยผงกาแฟลงบนด้ามชง เกิดการเกาะตัวของกาแฟที่แน่นจนเป็นก้อน ซึ่งไม่มีความสม่ำเสมอ บางจุดแน่นบางจุดหลวม ทำให้เวลาที่กาแฟสกัดกาแฟนั้น กาแฟที่แน่นไม่ได้รับการสกัดได้ทั่วถึง เพราะน้ำร้อนจะพยายามไหลผ่านได้ไม่ทั่วถึงกัน จะได้กาแฟรสชาติผิดเพี้ยนไป
- ตกค้างน้อย เครื่องบดกาแฟที่ดีต้องบดกาแฟออกมาได้หมด ไม่ค้างกาแฟของเก่าอยู่ด้านในมากจนมีผลต่อรสชาติกาแฟแก้วอื่น ทั้งนี้ขึ้นกับการออกแบบเครื่องบดกาแฟ
- มีความสามารถในการบดได้เร็วทันใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ 5 ปัจจัย
- รูปแบบจานบด
- ขนาดจานบด
- ความละเอียดที่ต้องการ บดละเอียดมาก กาแฟออกมาช้าในเวลาเท่ากัน บดหยาบกาแฟออกมาเร็ว
- ระดับการคั่วของกาแฟ กาแฟคั่วเข้มบดช้ากว่ากาแฟคั่วอ่อน
- รอบการหมุนมอเตอร์ รอบมอเตอร์สูงกาแฟบดเร็วกาแฟ เกิดความร้อนสูง มอเตอร์ต่ำบดช้า เกิดความร้อนได้ช้ากว่า
ส่วนประกอบของเครื่องบดกาแฟ
- ความจุสำหรับใส่กแฟกว่า 1200 กรัม เป็นความจุที่ค่อนข้างใหญ่ บดเมล็ดกาแฟได้จำนวนมาก
- จานบดหรือหัวบดขนาด 64 มิลลิเมตร บดเมล็ดได้ละเอียดและสม่ำเสมอ
- มอเตอร์ ประสิทธิภาพสูง สามารถบดเม,ดได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ภายใน 1 ชั่วโมงบดเมล็ดกาแฟได้สูงสุดถึง 9 กิโลกรัม
- ใช้วัสดุอย่างสแตนเลสและพลาสติกคุณภาพดี ในการผลิตเครื่องบดกาแฟ มีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
- จอแสดงผลแบบดิจิตอล ตัวเลขขนาดใหญ่แสดงผลได้ชัดเจน
วิธีการเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟ
นอกจากเมล็ดกาแฟที่ดี เครื่องบดกาแฟที่ดีต้องได้มาตรฐาน และต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ใครที่กำลังวางแผนเปิดร้านกาแฟ ตั้งแต่ร้านเล็กๆไปจนขนาดใหญ่ หรือมองหาเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพ สามารถพิจารณาวิธีเลือกเครื่องบดกาแฟตามคำแนะนำได้ดังนี้
1.สามารถปรับความละเอียดได้แบบถี่มาก ๆ เพื่อให้เราสามารถกำหนดความละเอียดของกาแฟได้อย่างที่ต้องการ ทำให้ผู้ชงสามารถเข้าไปควบคุมเวลาในการสกัดกาแฟได้อย่างเหมาะสม
2.การเลือกเครื่องบดกาแฟที่ดีเพื่อรสชาติ ดูที่คุณลักษณะจานบดและรูปแบบฟันบนจานบด เพราะแต่ละแบรนด์จะมีการวางลายเส้นบนจานบดแตกต่างกันออกไป การออกแบบจานบดกาแฟที่ดี จะต้องลดการเกิด Channeling ให้มากที่สุด
เพื่อให้กาแฟได้มีการสกัดอย่างทั่วถึง สำหรับเครื่องบดกาแฟแบบ Flat Burr เป็นเครื่องที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องการชงกาแฟจะออกมาเข้มในสไตล์เอสเพรสโซ่ มากกว่าเครื่องบดกาแฟที่เลือกใช้จานบดกาแฟแบบ Conicle
3.เครื่องบดกาแฟจะบดเร็วหรือช้า ขึ้นกับ 5 ปัจจัยได้แก่ รูปแบบจานบด, ขนาดจานบด, รอบการหมุนมอเตอร์, ความละเอียดที่ต้องการ และ ระดับการคั่วของกาแฟ
4.การตกค้างภายในของกาแฟในเครื่องบด – เครื่องบดที่ดีจะต้องบดกาแฟออกมาหมดจด ไม่มีกาแฟค้างด้านใน เพราะการมีเศษผงกาแฟค้างจะมีผลต่อรสชาติแก้วถัดไป ซึ่งการตกค้างขึ้นกับการออกแบบเครื่องบดกาแฟ
เมล็ดกาแฟจะไหลลงไปหมดไม่ตกค้าง ซึ่งเครื่องบดกาแฟแบบ Flat burr แบบแนวขวาง จะมีโอกาสในเรื่องการตกค้างผงกาแฟน้อยกว่าประเภทอื่น
5.เลือกจากความทนทานของเครื่องบดกาแฟ – โดยดูว่าเราจะเอามาใช้เปิดร้าน หรือว่า ทำกินเองใช้ในบ้าน ซึ่งแต่ละวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันก็จะทำให้เราต้องเลือกใช้ให้ถูกตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งถ้าใช้เปิดร้าน ต้องเลือกวัสดุตัวเครื่องอย่างดี ทนรับการใช้งานที่ถี่ และหนักได้
วิธีการดูแลรักษาเครื่องบดกาแฟ
การทำความสะอาดในแต่ละวัน
1.เอาแบล็ดออกจาก Hopper เครื่องบดให้หมด เก็บเมล็ดกาแฟไว้ในถุงฟอยด์ การเก็บกาแฟที่ดีและง่ายที่สุด คือ เก็บไว้ในถุงฟอยด์ที่บรรจุเมล็ดกาแฟมา
2.ปิดผงกาแฟที่เหลือใน doser ออกให้หมด
3.เช็ด Hopper ด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้งสะอาดอีกครั้งให้แห้งสนิทก่อนประกอบกลับเข้าไปที่ตัวเครื่องบด
การทำความสะอาดในแต่ละสัปดาห์
1.นำเมล็ดกาแฟออกจา Hopper ของเครื่องบดออกให้หมด เก็บเมล็ดกาแฟไว้ในถุงฟอยด์
2.บดเมล็ดกาแฟที่ติดในเฟือง และปิดผงกาแฟที่เหลือใน Doser ออกให้หมด
3.ทำความสะอาดเฟืองบด ด้วยการถอดเฟืองบดออกมา ใช้แปรงปัดผงกาแฟที่ติดเฟืองบดออกให้หมด ไม่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้ เพราะโดยมากแล้ว วัสดุที่ใช้ทำเฟืองบดจะทำจากเหล็ก จากนั้นเอาเศษผงกาแฟออกให้หมด
4.ทำความสะอาด Hopper ด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่หมาด ๆ ตามมาด้วยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำเย็นหมาด ๆ และจบด้วยการเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง และรอให้แห้งสนิทก่อนจะประกอบกลับเข้าไปที่ตัวเครื่องบด
รู้จักเครื่องบดกาแฟให้มากขึ้น ลักษณะการบดอย่างไร ก่อนเลือกซื้อ
สรุป
ถึงอย่างไรแม้จะเลือกเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพสูงไปแล้ว ก็ยังต้องใส่ใจกับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ควรมีการล้างเฟืองบดเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อลดปัญหาผงกาแฟบดไม่สม่ำเสมอ
ซึ่งการล้างทำความสะอาดยังช่วยให้กลิ่นเหม็นหืนหายไปได้ ในการทำการบดกาแฟในแต่ละครั้ง ผงกาแฟอาจไปติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ ในห้องบดกาแฟได้ เมื่อเราบดไปเรื่อย ๆ ผงกาแฟจะเริ่มสะสมอัดแน่นอีก ส่งผลทำให้เกิดกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ ฉะนั้นเราควรทำความสะอาดเครื่องบดกาแฟเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยนของรสชาติ
เชพขวัญ ขวัญเรือน ผู้ชำนาญการด้านการทำอาหารและเครื่องครัว ประสบการณ์ด้านการทำอาหารมากกว่า 20 ปี เคยอยู่ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง มีความรู้และเชี่ยวชาญ เป็นนักเขียนและวิจารณ์รีวิวอาหาร และแนะนำเครื่องใช้ในครัวเรือน
เครื่องบดเมล็ดกาแฟ Braun รุ่น KG7070
– กำลังไฟ 110 วัตต์
– ตัวเครื่องทำจากแสตนเลสและพลาสติก
– เฟืองบดแบบ 2 ชั้น (Flat Burr) ช่วยให้บดได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น
– สามารถบดกาแฟได้ถึง 15 ระดับ ตามชนิดของกาแฟ
– ไม่จำเป็นต้องคำนวนปริมาณเมล็ดกาแฟ เครื่องจะคำนวนให้เองจาก 2 – 12 ถ้วย
– มีระบบป้องกันความร้อนในตัวเครื่อง
– โถบรรจุเมล็ดกาแฟได้ถึง 220 กรัม
– หัวบดเฟืองแบบรุ่นโปรบาลิสต้า
– การบดแบบสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่สอดคล้องและประสิทธิภาพที่ยาวนาน
– สัญญาณป้องกันความร้อนสูงเกินไปคุณภาพและรสชาติของเมล็ดกาแฟ
– ตัวเครื่อง โถบรรจุกาแฟ และเฟืองบดสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
– ปลอดสารก่อมะเร็ง BPA ไม่ปนเปื้อนสู่อาหารเมื่อได้รับความร้อน
– ภาชนะบรรจุผงกาแฟ สามารถถอดออกได้อย่างสะดวก
– ตัวเครื่อง โถบรรจุกาแฟ และเฟืองบด สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
– ภาชนะบรรจุผงกาแกสามารถถอดจากตัวเครื่องได้บางส่วนของตัวเครื่องสามารถใส่เครื่องล้างจานได้
ขนาด: 19.0ก x 13.0ย x 27.0ส ซม.
น้ำหนัก: 1.5 กก.
เครื่องบดเมล็ดกาแฟ De'Longhi รุ่น KG89
-ความจุเมล็ดกาแฟ 120 กรัม
-สามารถบดเมล็ดกาแฟได้ครั้งละ 12 ถ้วย
-ตัวเครื่องด้านหน้าทำจากสแตนเลส
-บดเมล็ดกาแฟด้วยระบบเฟือง
-ใบมีดทำจากเซรามิคอย่างดี ช่วยรักษาอุณหภูมิและรสชาติของเมล็ดกาแฟ
-สามารถปรับระดับความละเอียดของผงกาแฟ และปริมาณผงกาแฟที่ต้องการได้
-มีระบบ Dual Safe System เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
-ขนาดสินค้า : 13 กว้าง x 16 ยาว x 26 สูง ซม.
เครื่องบดกาแฟวินเทจ Coffee Bean Grinder
-เครื่องบดเมล็ดกาแฟ แบบใช้มือหมุน
-สามารถบดกาแฟได้ง่ายที่บ้าน
-แกนบดเซรามิก ปรับความหยาบ ละเอียดได้
-ทำความสะอาดได้ทั้งเครื่อง รับประกันความสะอาดไม่มีกลิ่น
-ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
-มีโหลแก้วบรรจุกาแฟแถมในตัว ง่ายต่อการเก็บรักษา
-มีฝาซิลิโคนสำหรับปิดเมล็ดกาแฟไม่ให้กระเด็นตอนบด
วัสดุ: สแตนเลส + เซรามิค + ซิลิโคน + แก้ว
– ขนาด: 9.2 x 16 ซม
-Bean ความจุ (ขวดสีดำส่วน): 75G
-ความจุผง (ขวด): 120G
เครื่องบดกาแฟมือบดโครงกระดูกเซรามิก Soulhand
ใช้งานง่าย: หยาบ / ปานกลาง / ดี / ดี
การออกแบบป้องกันสนิม
พร้อมคู่มือญี่ปุ่น
เครื่องบดกาแฟไฟฟ้า Gion
ตัวเครื่องและใบมีดเป็นสแตนเลส แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
กำลังไฟฟ้า : 150W
แรงดันไฟฟ้า : 220-240V
ความถี่ : 50Hz
ความเร็วมอเตอร์ : 14,500 RPM
ความจุโถบด : 100 กรัม
ขนาดเครื่อง : 10 x 16 ซม.
เครื่องบดกาแฟ Hario Ceramic Slim Coffee Mill MSS-1
ความจุ 24 กรัม
เฟืองบดทำจากเซรามิก ด้ามจับเป็นสเเตนเลส แข็งเเรงทนทาน
ปรับระดับความละเอียด-หยาบได้ตามใจ
ขนาดเล็กน้ำหนักเบาพกพาสะดวก
ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย
เครื่องบดกาแฟ Timemore Chestnut X
ด้ามจับบดมือหมุน ดีไซน์พับเก็บได้สะดวกต่อการพกพา
เฟืองบด S2C
การบด แข็งแรงทนทาน ด้วยวัสดุ High Carbon Stainless-steel SUS440
เพิ่มความแม่นยำในการบดด้วยตัวเลขแสดงการปรับระดับหลัก 24 ระดับ และมีระดับรองอีก 5 ระดับ รวม 120 ระดับ
เครื่องบดกาแฟ BUONO รุ่น BUO-12CG03
มีล็อคที่ตัวโถบด
มีหน้าจอแสดงผล LED
มีปุ่มตั้งเวลาบดต่อถ้วย
มีแปรงทำความสะอาด
สายไฟยาว 80 ซม. (รวมปลั๊ก)
วัสดุ: เครื่องพลาสติก, ใบมีดบดสเตนเลส
ความจุ: โถบดเมล็ดกาแฟ 275 ก., โถใส่ผงกาแฟ 100 ก.
กำลังไฟ: 180 วัตต์ / 230 โวลต์ / 50 เฮิรตซ์
ขนาด: ตัวเครื่อง ก. 11 x ล.18 x ส. 30 ซม. / โถบดเมล็ดกาแฟ เส้นผ่านศูนย์กลาง 18 ซม. x ส. 9 ซม.
โถใส่ผงกาแฟ เส้นผ่านศูนย์กลาง 8 ซม. x ส. 8 ซม.
เครื่องบดกาแฟ ไฟฟ้า Worldtech รุ่น WT-CG-M150C
กำลังมอเตอร์: 150 วัตต์
มอเตอร์สปีด 30000 rp/m
ความจุถ้วยปั่น 50 กรัม
ใบมีดในตัวโถปั่นคุณภาพสูง ทำจากสแตนเลส 2 ใบ
ตัวเครื่องทำจากวัสดุ ABS เกรดอาหาร
สามารถใช้งานบดอื่นๆได้ เช่น เมล็ดกาแฟ ถั่ว เครื่องเทศ ธัญพืชเปลือกแข็งได้เป็นอย่างดี (ควรเป็นเมล็ดแบบแห้งเท่านั้น)
ดีไซส์สวยงาม ทันสมัย ฝาด้านบนโปร่งใส เห็นชัดทุกการทำงาน
ใช้งานง่าย แค่กดฝาลง เครื่องจะทำงานทันที
ใช้เครื่องบดทำงาน 15-45 วินาที ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และพักเครื่องก่อนใช้ 60 วินาที ก่อนใช้งานรอบต่อไป
ทำความสะอาดง่าย สินค้าแพ็คมาพร้อมแปรงปัดทำความสะอาด
ขนาดสินค้า: 8.5 x 8.5 x 15 cm.
ขนาดสินค้ารวมกล่อง: 10.7 x 10.2 x 18 cm.
น้ำหนักสินค้ารวมกล่อง: 0.7 kg.
เครื่องบดกาแฟ Hario Coffee Mill Dome MCD-2
– เฟื่องบดทำจากเซรามิคมีความแข็ง
– สามารถปรับระดับความหยาบ ละเอียดให้เหมาะกับวิธีการชงแบบต่างๆได้
– เป็นไม้รูปทรงกระบอกจับถนัดมือ
– มีฝาปิดด้านบนกันเมล็ดกาแฟ กระเด็นเวลาบด
– ที่ฐานมีแผ่นกันลื่น
– ปรับบดเมล็ดกาแฟต่อครั้งประมาณ 35 กรัม