อุปกรณ์ที่ใช้เล่นโยคะมีอะไรบ้าง
1. ชุดออกกำลังกาย
ชุดออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับเล่นโยคะควรจะเป็นเสื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่นและระบายความร้อนได้ดี ซึ่งสามารถสวมใส่เสื้อผ้าออกกำลังกายแบบทั่วไปได้ สำหรับผู้ชายอาจใส่เสื้อและกางเกงกีฬาขาสั้น ส่วนผู้หญิงก็สามารถใส่เสื้อกล้ามหรือเสื้อแขนสั้นทั่วไป และกางเกงรัดรูปขายาวที่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก
2. เสื่อโยคะ
เสื่อเล่นโยคะ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเล่นโยคะ ซึ่งบางคนอาจจะใช้แผ่นรองออกกำลังกายแทน อย่างไรก็ตามเสื่อเล่นโยคะที่ดีนั้นจะต้องเหมาะกับการใช้งานและตัวผู้เล่นเป็นหลัก โดยแต่ละคนนั้นก็จะมีความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรจะเลือกเสื่อเล่นโยคะที่มีคุณภาพและใช้งานได้ง่าย
3. ลูกบอลโยคะ
ลูกบอลโยคะ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้เล่นโยคะ โดยทั่วไปแล้วลูกบอลโยคะจะมีขนาดตั้งแต่ 55 ไปจนถึง 85 เซนติเมตร ซึ่งการจะนำมาเล่นโยคะนั้นจะต้องพิจารณาจากความสูงของผู้เล่นเป็นหลัก เช่น ลูกบอลโยคะขนาด 55 เซนติเมตร เหมาะกับผู้ที่มีความสูงตั้งแต่ 150-160 เซนติเมตร เป็นต้น
4. เบาะรองนั่ง
เบาะรองนั่ง หรือเบาะออกกำลังกาย ถือเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ฝึกโยคะมือใหม่ควรจะมี เพราะจำเป็นจะต้องใช้เพื่อช่วยลดอาการปวดหลังและปวดก้น ซึ่งมือใหม่ที่ฝึกโยคะในช่วงแรกๆ จะมีอาการดังกล่าวได้ง่ายกว่าผู้ที่ฝึกมานานแล้ว เนื่องจากร่างกายยังไม่ชินกับการออกกำลังกายในรูปแบบการเล่นโยคะ
5. เชือกโยคะ
เชือกโยคะ หรือเข็มขัดโยคะ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยจัดท่าทางของร่างกายให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสม เพราะในการเล่นโยคะ บางท่านั้นจะต้องมีการยืดเหยีอดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะท่าที่ต้องอาศัยแรงในส่วนแขน ขา และเท้า อวัยวะเหล่านี้จะต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อยมากเป็นพิเศษ
6. ดัมเบล
ดัมเบล เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ใช้ในการบริหารร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนแขนที่ต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่มักจะเห็นกลุ่มนักเพาะกายนิยมใช้ออกกำลังกายกัน เพราะสามารถทำให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้นด้วย
7. ผ้าห่มหรือหมอนสี่เหลี่ยม
ผ้าห่มหรือหมอนสี่เหลี่ยม เป็นอุปกรณ์ฝึกโยคะที่มีความจำเป็นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการฝึกหรือเล่นท่าที่ต้องเอี้ยวตัว จำเป็นจะต้องใช้ผ้าห่มหรือหมอนสี่เหลี่ยม ใช้รองบริเวณกระดูกสันหลังและคอ นอกจากนี้ผ้าห่มยังมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่น ซึ่งจะทำให้การฝึกสมาธิและการหายใจดีขึ้น
ประโยชน์ของการเล่นโยคะ
1. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและผ่อนคลาย
การฝึกโยคะหรือการเล่นโยคะ เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากการฝึกโยคะนั้นจะต้องบังคับให้ร่างกายอยู่ในท่าที่เหมาะสม ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการทรงตัวเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการฝึกโยคะเป็นประจำจะส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวได้คล่องมากขึ้นด้วย
2. ช่วยผ่อนคลายและลดความตึงเครียด
ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดมาแล้วไม่เคยรู้สึกเครียด อยู่ที่ว่าใครจะเครียดมากน้อยกว่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีสติและสมาธิอยู่ตลอดเวลามักจะไม่ค่อยมีอาการวิตกหรือเครียดง่ายกว่าคนทั่วไปซึ่งการเล่นโยคะนั้นจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น ส่งผลให้เครียดน้อยลง เพราะมีการฝึกจนสามารถควบคุมจิตใจและความคิดของตนเองได้
3. ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
เมื่อร่างกายมีการเคลื่อนไหว การทรงตัว การยืดเหยียด และการกระจายน้ำหนัก จะส่งผลให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขภาพร่างกายก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
4. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อต่างๆ
การเล่นโยคะคือการใช้ทุกส่วนของร่างกายในการเคลื่อนไหว โดยการเล่นในแต่ละท่วงท่าจะมีลักษณะการเคลื่อนไหวหรือการทรงตัวที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นก็เป็นการบริหารร่างกายในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ เมื่อมีการเคลื่อนไหวและยืดเหยียดอยู่บ่อยๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความยืดหยุ่นได้มากขึ้น
5. ช่วยให้มีสติและสมาธิมากขึ้น
การเล่นโยคะเป็นประจำเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เรามีสติและสมาธิมากขึ้น เนื่องจากการเล่นโยคะคือการกำหนดจิตใจให้จดจ่ออยู่กับความเป็นไปของร่างกายตลอดวินาที ซึ่งถ้าหากทำอยู่เรื่อยๆ เป็นประจำจะช่วยให้จิตใจนิ่งสงบ และส่งผลให้เรามีสติและสมาธิในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น
6. ช่วยแก้ไขทรวดทรงและปรับบุคลิกภาพ
เนื่องจากการเล่นโยคะจำเป็นต้องอาศัยการทรงตัวและการยืดเหยียดเป็นหลัก และถ้าหากฝึกจนมีความคล่องตัวมากขึ้นแล้ว ผู้เล่นจะรู้สึกได้ว่าทรวดทรงหรือรูปร่างของตนเองนั้นดูดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีบุคลิกภาพที่ดีตามไปด้วย เพราะเราสามารถกำหนดให้ร่างกายเคลื่อนไหวและทรงตัวได้อย่างมั่นคง
7. ช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับร่างกาย
การเล่นโยคะนั้นจะต้องอาศัยพลังกายและพลังจิต การฝึกจิตให้อยู่นิ่งและมีสมาธิจะส่งผลให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากร่างกายอยู่ในสภาวะที่สมดุล เมื่อเล่นโยคะเป็นประจำจะช่วยให้เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น และเมื่อร่างกายปราศจากความเครียด จิตใจก็จะไม่ฟุ้งซ่าน ส่งผลให้เกิดความสมดุลของร่างกายมากขึ้น
8. ช่วยบำบัดโรคต่างๆ
การเล่นโยคะมีประโยชน์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคหรืออาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ซึมเศร้า ภูมิแพ้ หอบหืด หมอนรองกระดูกทับเส้น ออฟฟิศซินโดรม ปวดหัวไมเกรน นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง สมาธิสั้น และอื่นๆ การเล่นโยคะจะช่วยบำบัดอาการดังกล่าวได้ ที่สำคัญจะต้องเลือกเสื่อโยคะให้เหมาะสม
9. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
การเล่นโยคะในบางท่าจะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนของสตรีได้ เนื่องจากส่วนต่างๆ ของร่างกายถูกใช้งานจนมีความยืดหยุ่น ส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แข็งแรงมากขึ้น และเมื่อมีรอบเดือนก็จะทำให้ความรู้สึกปวดเกร็งลดน้อยลง
ท่าโยคะพื้นฐาน มีอะไรบ้าง
1. ท่าสุนัขก้มหน้า (Downward Facing Dog)
โยคะพื้นฐานท่าแรกเริ่มต้นจากท่าคลานเป็นอันดับแรก โดยให้คุกเข่าทั้งสองข้างลง วางมือลงบนพื้น พยายามจัดระเบียบร่างกายให้เข่ากว้างเท่ากับช่วงสะโพก และต้องอยู่แนวเดียวกัน เสร็จแล้ววางมือทั้งสองข้างให้กว้างเท่ากับช่วงไหล่ รวมถึงนิ้วมือด้วย ยืดหลังตรงแบบสบายๆ และหายใจออก ยกเข่าทั้งสองขึ้นให้อยู่ในลักษณะเป็นรูปตัว V โดยที่แขนและขาจะต้องเหยียดตรง จากนั้นทำค้างไว้ 3 ลมหายใจเข้า-ออก
2. ท่านักรบ (Warrior Pose)
ขั้นตอนแรกให้หายใจเข้า จากนั้นก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า โดยที่เท้าขวานั้นจะต้องวางระหว่างมือและงอเข่าลง ส่วนขาซ้ายจะต้องเหยียดตรง ต่อมาให้วางน้ำหนักไปที่ส่วนเท้าของทั้งสองข้างให้เท่าๆ กันอย่างสมดุล และยกตัวขึ้นด้วยการงอเข่าขวาให้ตั้งเป็นมุมฉาก จากนั้นยกแขนทั้งสองข้างขึ้นและค้างไว้ประมาณ 30-60 วินาที
3. ท่าต้นไม้ (Tree Pose)
ขั้นตอนแรกให้ยืนตรงแบบขาชิดกัน และแขนต้องแนบกับลำตัวด้วย จากนั้นถ่ายน้ำหนักไปที่ขาข้างซ้าย ยกขาขวาขึ้นและใช้มือจับข้อเท้ามาวางที่ต้นขาด้านในของขาข้างซ้าย เมื่อทรงตัวได้ดีแล้วให้ใช้ฝ่ามือประกบเข้าด้วยกัน และหายใจเข้าพร้อมกับเหยียดแขนขึ้นให้ตรง ทำค้างไว้ประมาณ 30-60 วินาที
4. ท่าสะพาน (Bridge Pose)
เริ่มจากท่านอนราบกับพื้นบนเสื่อโยคะ ขั้นตอนแรกจะต้องชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น และวางเท้าแนบกับพื้น ซึ่งส้นเท้าจะต้องอยู่ในระดับสะโพกให้ได้มากที่สุด จากนั้นวางขาให้เท่ากับช่วงสะโพก ต่อมาให้วางฝ่ามือทั้งสองไว้บริเวณข้างลำตัว เสร็จแล้วให้เกร็งและยกสะโพกขึ้นให้ส่วนที่เป็นหน้าอก หน้าท้อง สะโพก รวมถึงต้นขาอยู่ในเส้นตรงแนวเดียวกัน ทำค้างไว้ 1 นาที และหายใจเข้า-ออกเป็นจังหวะ
5. ท่าตรีโกณ (Triangle Pose)
ขั้นตอนแรกให้ยืนตรงและกางขาออกให้กว้างกว่าระดับช่วงสะโพก ปลายเท้าด้านขวาจะต้องชี้ออกไปทางด้านข้าง ส่วนปลายเท้าซ้ายจะต้องชี้ไปด้านหน้า ขณะทำให้หายใจเข้าและกางแขนทั้งสองออกด้านข้าง โดยความสูงจะต้องอยู่ในระดับหัวไหล่ ต่อมาหายใจออกและค่อยๆ เอนตัวลงไปทางเท้าด้านขวา พร้อมกับใช้มือขวาวางลงบนพื้นใกล้กับฝ่าเท้า โดยที่สายตาจะต้องมองไปที่เพดาน ทำค้างไว้ 5-10 นาที
เสื่อโยคะ คืออะไร
นอกจากการออกกำลังกายด้วยการใช้อุปกรณ์ที่สามารถซื้อมาออกที่บ้านได้อย่าง เชือกกระโดด , ยางยืดออกกำลังกาย , ลู่วิ่งไฟฟ้า , ฮูล่าฮูป , เครื่องบริหารหน้าท้อง , ลูกกลิ้งออกกำลังกาย , ถุงมือฟิตเนส และอุปกรณ์ในการออกกำลังกายที่ยอดฮิตมากในเวลานี้อย่าง เสื่อเล่นโยคะ
เสื่อโยคะ คือ หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการเล่นโยคะ รวมไปถึงการออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องมีเสื่อ เบาะออกกำลังกาย เบาะรองหลัง หรือแผ่นรองออกกำลังกาย จะช่วยให้ผู้ฝึกหรือเล่นโยคะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายและเล่นท่าทางต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น จะเป็นตัวรองรับน้ำหนักของผู้เล่น เพราะฉะนั้นหากเสื่อเล่นโยคะมีความหนาและนุ่มอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้การฝึกโยคะเป็นไปอย่างราบรื่น
เนื่องจากการเล่นโยคะนั้นจะต้องมีการยืน นั่ง และนอน ซึ่งแต่ละท่าก็จะมีการยืดเหยียดที่แตกต่างกันไป ลองจินตนาการดูว่าหากเราเล่นโยคะบนพื้นปูน พื้นไม้ หรือพื้นอื่นๆ ที่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ มารองรับน้ำหนัก แน่นอนว่าจะต้องมีอาการเจ็บปวดตามมา ซึ่งไม่ใช่ผลดีเท่าไหร่นัก จากที่จะได้รับประโยชน์กลับได้รับโทษแทน ดังนั้นการมีอุปกรณ์รองรับตัวหรือน้ำหนักจะช่วยลดอาการเจ็บปวดและทำให้สบายตัวมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้วเบาะออกกำลังกายไม่ได้ออกแบบให้สามารถใช้เล่นโยคะได้เท่านั้น แต่สามารถใช้ออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการวิดพื้น หรือบอดี้เวท ส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้มีความหนา นุ่ม น้ำหนักเบา พกพาสะดวก และพับเก็บได้ง่าย อย่างไรก็ตามเสื่อเล่นโยคะจะมีหลากหลายแบบด้วยกัน อีกทั้งแต่ละยี่ห้อก็ผลิตออกมาให้มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันด้วย
วัสดุที่นิยมใช้ผลิตเสื่อเล่นโยคะมักจะเป็นพวกโฟม พลาสติก เม็ดพลาสติก PVC ยางพารา ยางธรรมชาติ และยางไนไตรล์ ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดก็จะให้คุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการเลือกใช้เสื่อสำหรับเล่นโยคะจะต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายและความเหมาะสมเป็นหลัก
ซึ่งจะมีทั้งราคาถูกและราคาแพง หากเลือกที่มีราคาถูกอาจมีอายุการใช้งานที่สั้น และถ้าหากมีราคาก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการผลิตและยี่ห้อนั้นๆ ด้วยว่าใส่ใจในคุณภาพมากน้อยเพียงใด
เสื่อโยคะ มีกี่แบบ ทำมาจากอะไรบ้าง
1. ประเภท PVC
เสื่อเล่นโยคะประเภท PVC หรือ poly Vinyl Chloride ใช้วัสดุอย่างเม็ดพลาสติกชนิด PVC ในการผลิต โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาค่อนข้างถูก คุณสมบัติที่ดีคือ ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และพกพาง่าย แต่ข้อเสียมักจะไม่กันลื่น ซึ่งถ้าหากใช้เล่นโยคะไปนานๆ ก็จะหลุดลอกออกเป็นขุยได้ง่าย ทำให้ใช้งานได้ไม่นาน
2. ประเภท TPE
เสื่อเล่นโยคะประเภท TPE หรือ Thermoplastic Elastomer ผลิตจากพลาสติกชนิด PVC เช่นเดียวกัน แต่เสื่อประเภทนี้จะผสมยางธรรมชาติเข้าไปด้วย เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับเสื่อ สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกดทับได้เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่นและนุ่มน่าสัมผัส เมื่อเทียบกับประเภท PVC แล้วถือว่ามีคุณภาพดีกว่า
3. ประเภทยางพารา
เสื่อโยคะประเภทยางพารา แน่นอนว่าชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าผลิตจากยางพาราใช้ยางพาราแท้ๆ ในการผลิต มีผิวสัมผัสที่นุ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง ค่อนข้างจะมีความแข็งแรงและทนทานอยู่พอสมควร แต่จะมีความหนามากไปหน่อย ทำให้รู้สึกหนักเมื่อต้องขนย้ายไปมา
4. ประเภท EVA
เสื่อเล่นโยคะประเภท EVA หรือ Ethylene Vinyl Acetate ใช้โฟมพลาสติกในการผลิต ซึ่งจะเป็นโฟมพลาสติกที่มีคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวคิดอยากจะช่วยลดโลกร้อน มีน้ำหนักเบา นิ่ม ยืดหยุ่นสูง และราคาไม่แพงแต่ไม่เหมาะกับการใช้ในระยะยาว เพราะยุบแบนได้ง่าย แถมยังไม่ช่วยกันลื่นอีกด้วย
5. ประเภท NBR
เสื่อเล่นโยคะประเภท NBR หรือ Nitrile Rubber ผลิตจากยางไนไตรล์ หรือยางไนไตรล์บิวทาไดอีน จัดเป็นยางสังเคราะห์ที่ได้มาจากอะคริโลไนไทรล์และบิวทาไดอีน จึงทำให้มีกลิ่นของยาง แต่สามารถใช้ฝึกโยคะได้ง่ายและสะดวกมากพอสมควร เพราะมีราคาค่อนข้างสูง ยืดหยุ่นได้ดี กันน้ำ หนา นุ่ม แต่มีน้ำหนักเบา
6. ประเภทฝ้าย
เสื่อเล่นโยคะประเภทฝ้าย มีลักษณะเหมือนเบาะออกกำลังกาย หรือแผ่นรองออกกำลังกายแบบทั่วไป แต่จะผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่างฝ้าย ซึ่งถือเป็นประเภทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่จำเป็นจะต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถดูดซับเหงื่อและน้ำได้มากกว่าเสื่อแบบอื่นๆ
เสื่อโยคะ ปูฝั่งไหน
เสื่อเล่นโยคะทุกแบบจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ด้าน การจะปูเสื่อเล่นโยคะนั้นจะต้องสังเกตจากลักษณะของเสื่อเป็นหลัก สามารถสังเกตได้จากบริเวณที่มีการพิมพ์ลายและด้านที่มีลักษณะเป็นรอยเส้นถี่ๆ โดยให้ปูด้านที่มีลายพิมพ์ไว้ด้านบน และคว่ำส่วนที่มีรอยเส้นถี่ๆ ลงด้านล่าง
เพราะด้านที่มีรอยเส้นจะสามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่า ในกรณีที่เป็นเสื่อประเภท PVC จะต้องปูด้านที่มีเม็ดโฟมเอาไว้ด้านบน ส่วนด้านที่ไม่มีเม็ดโฟมก็คว่ำลงด้านล่าง อย่างไรก็ตามเสื่อโยคะบางรุ่นออกแบบมาให้สามารถใช้เล่นได้ทั้งสองด้าน
ประโยชน์ของเสื่อโยคะ
1. ยับยั้งและลดอาการบาดเจ็บ
การเล่นโยคะจะต้องออกท่าทางในลักษณะต่างๆ ซึ่งจะมีทั้งการยืดเหยียด การทรงตัว และการเกร็ง รวมทั้งกำหนดจิตให้นิ่งสงบ ซึ่งต้องออกแรงและเคลื่อนไหวร่างกายอยู่พอสมควร การใช้เบาะออกกำลังกายหรือเสื่อจะช่วยยับยั้งและลดอาการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บได้
2. ป้องกันการลื่น
เสื่อเล่นโยคะบางรุ่นจะออกแบบมาให้มีคุณสมบัติที่ช่วยกันลื่นได้ ซึ่งขณะที่ผู้เล่นโยคะมีเหงื่อไหลและหยดลงบนเสื่อ จะทำให้เสื่อนั้นดูดซับเหงื่อและความชื้นต่างๆ ไว้ได้ จะช่วยป้องการไม่ให้ผู้เล่นลื่นในขณะที่เคลื่อนไหวหรือทำท่าทางต่างๆ
3. รองรับน้ำหนักและแรงกดทับได้
การเล่นโยคะเป็นการฝึกร่างกายและจิตใจให้อยู่นิ่ง แต่ก็จะมีการยืดเหยียดในหลายๆ ลักษณะ โดยแต่ละท่าทางก็จะไม่เหมือนกัน จะอาศัยแรงของกล้ามเนื้อพอสมควร หากเล่นโยคะโดยที่ไม่มีอะไรรองรับก็จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดและเป็นอันตรายได้ ดังนั้นเสื่อโยคะจึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยรองรับน้ำหนักและแรงกดทับของตัวผู้เล่นได้ดี
4. ลดการเกิดพลังงานเย็น
การเล่นโยคะไม่ควรจะมีพลังงานเย็น หรือความชื้นในรูปแบบต่างๆ เพราะจะส่งผลเสียต่อการฝึกในแต่ละท่วงท่าได้ สำหรับเสื่อเล่นโยคะนั้นก็เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่จะช่วยลดการเกิดพลังงานเย็นและความชื้นได้ ซึ่งจะทำให้การเล่นโยคะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
วิธีการเลือกซื้อเสื่อโยคะ
1. เลือกให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
เสื่อเล่นโยคะนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นควรจะเลือกเสื่อในการเล่นโยคะที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด หากต้องการจะพกพาไปเล่นนอกสถานที่ก็ควรเลือกเสื่อประเภทที่มีความหนาน้อยหรือน้ำหนักเบา
2. เลือกวัสดุให้เหมาะกับการใช้งาน
วัสดุที่ใช้ผลิตเสื่อเล่นโยคะจะนิยมใช้เป็นวัสดุจำพวกโฟม พลาสติก เม็ดพลาสติก PVC ยางพารา ยางธรรมชาติ และยางไน รวมถึงคุณสมบัติของวัสดุแต่ละแบบก็จะมีความแตกต่างกัน โดยองค์ประกอบต่างๆ นั้นจะเป็นตัวกำหนดราคาด้วย ทั้งนี้ควรเลือกวัสดุที่สัมผัสนุ่ม ใช้งานง่ายและเหมาะกับการเล่นโยคะมากที่สุด
3. เลือกตามความหนาและขนาด
โดยทั่วไปเสื่อเล่นโยคะจะมีความหนาตั้งแต่ 1.5-20 มิลลิเมตร ซึ่งมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกโยคะควรจะเลือกความหนาอยู่ที่ 4-6 มิลลิเมตร ส่วนผู้ที่ฝึกจนมีความคล่องสูงแล้วก็สามารถใช้ความหนาอยู่ที่ 1.5-3 มิลลิเมตร ส่วนขนาดของเสื่อนั้นก็ควรพิจารณาจากรูปร่างของตนเองเป็นหลัก
4. เลือกตามพื้นผิวของเสื่อโยคะ
เมื่อพูดถึงคุณสมบัติที่สำคัญของเสื่อเล่นโยคะแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือพื้นผิว สำหรับเสื่อฝึกโยคะ เบาะออกกำลังกาย แผ่นรองออกกำลังกาย หรืออุปกรณ์ใดก็แล้วแต่ที่ใช้ในการรองน้ำหนักขณะออกกำลังกาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผิวสัมผัสที่นุ่มและยืดหยุ่นได้ดี
5. เลือกที่สามารถกันลื่นได้
ในขณะที่ฝึกหรือเล่นโยคะ ร่างกายมักจะขับเหงื่อออกมา เนื่องจากการเล่นโยคะส่วนใหญ่นั้นจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ส่งผลให้เสื่อเล่นโยคะมีความชื้นจนเกิดการลื่นได้ง่าย ถือเป็นอันตรายในระดับหนึ่ง ในกรณีที่ฝึกท่ายากๆ จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ การเลือกเสื่อประเภทที่สามารถกันลื่นได้ก็จะช่วยลดปัญหาระหว่างการเล่นได้
วิธีเลือกซื้อเสื่อโยคะ
สรุป
เสื่อโยคะมีความสำคัญมากกับการเล่นโยคะ ไม่เพียงแต่จะช่วยรองรับน้ำหนักและแรงกดทับเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ฝึกหรือเล่นโยคะได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันการเล่นโยคะนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นกีฬาที่เก่าแก่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้อยากจะพัฒนาร่างกายและจิตใจให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น การฝึกโยคะก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่ก่อนที่จะทำการฝึกก็ควรเลือกเสื่อเล่นโยคะหรือแผ่นรองออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเองด้วย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
เสื่อโยคะ Bebe Fit Routine
-ความยาว 183 cm กว้าง 68 cm หนา 5 mm
-เสื่อมีความยืดหยุ่นสูง พื้นผิวนิ่ม คงสภาพ ทนทาน
-สามารถรองรับแรงกระแทกและป้องกันการบาดเจ็บได้ดี
-เหมาะสำหรับการออกกำลังกายที่ต้องการซัพพอร์ต
เสื่อโยคะ XtivePRO
-ขนาด 183 x 61 cm
-มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม วัสดุเป็นโฟม NBR
เสื่อโยคะ Manduka รุ่น PROlite
-น้ำหนัก 1.8 กก.
-หนาพิเศษ รองรับน้ำหนักและลดการกระแทก
-ปลอดภัย ไร้สารพิษ ปราศจากน้ำยาง 100%
เสื่อโยคะ Bewell
-ขนาด 60×180 CM. หนา 6 MM.
-มีเทคโนโลยีเคลือบผิวช่วยกันน้ำ กันเหงื่อ และกันลื่น
เสื่อโยคะ WelStore
ขนาด:182 x 61 x 0.6 cm (กว้างxยาวxสูง)
วัสดุที่ผลิต PVC 100%
พกพาสะดวก ง่ายต่อการเก็บ
เสื่อโยคะ MINISO
-ผลิตจากวัสดุ โฟม NBR
-มีน้ำหนัก เบา พกพาสะดวก เก็บง่าย
เสื่อโยคะ Grand Sport
-ความหนา 6 มม.
-มีน้ำหนักเบา มีความหนืด ยืดหยุ่น ได้ดี
เสื่อโยคะ JASON
-ผลิตจากวัสดุยาง PVC อย่างดี
-มีน้ำหนักเบา
-เหมาะกับโยคะทุกระดับ ยึดเกาะดี
เสื่อโยคะ FBT รุ่น 68-405
-มีความหนาและยืดหยุ่น ลดอาการเจ็บปวดร่างกายเวลาลงน้ำหนักออกกำลังกายได้
มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวกไปได้ทุกที
เสื่อโยคะ Adidas
-ผลิตจากวัสดุโฟม NBR
-ลักษณะเสื่อพิเศษเป็นเส้น เพื่อให้ยึดเกาะติดพื้นผนังได้ดี