ปัจจุบันต้องบอกเลยว่า สภาพอากาศในบ้านเรามีแต่คำว่าฤดูร้อนกันเสียจริง ๆ หันไปทางไหนก็มีแต่คำว่าอากาศร้อน การหาอะไรมาดับคลายร้อนจึงไม่ใช่เรื่องยากไม่ว่าจะหา น้ำดื่ม เย็น ๆ เปิด พัดลมติดผนัง , พัดลมเล็ก , พัดลมไอเย็น เปิด แอร์เคลื่อนที่ , แอร์ตั้งพื้น , แอร์อินเวอร์เตอร์ , แอร์ 4 ทิศทาง จุด น้ำมันหอมระเหย เปิด สเปรย์ปรับอากาศ ส่งกลิ่นหอมให้ทั่วบ้าน นั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่น เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำกันไปเลย
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศในบ้านเรา ก็มีออกมาได้หลากหลายประเภทกันเลย ทั้งแอร์ติดผนัง แอร์สี่ทิศทาง แอร์แขวนใต้ฝ้า แอร์แขวนเพดาน แอร์ฝังเพดาน แอร์ตั้งพื้น แอร์ตู้ ซึ่งการใช้งานก็แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ที่นำไปวาง
ตัวอย่างการใช้แอร์ติดผนัง จะได้รับความนิยมที่สุดในการติดตั้งห้องทำงาน ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องอาหารขนาดเล็ก สำนักงานขนาดเล็ก เพราะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับความเย็นที่ส่งมอบออกมา แต่ก็ต้องดูขนาดของ BTU ที่จะนำมาติดตั้งด้วยนะว่าจะต้องเข้ากัน
หรือจะเป็นแอร์เพดาน แอร์ฝังเพดาน ที่นิยมใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างห้องสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง ภัตตาคาร โรงแรม โรงพยาบาล เพราะพื้นที่ขนาดใหญ่คงไม่เหมาะที่จะติดแอร์ผนังได้ทั่วทุกจุด แต่การติดแอร์เพดานจะเหมาะสมมากกว่า
เพราะการติดตั้งจะติดบริเวณบนฝ้าเพดาน ซึ่งเราจะเห็นแต่เพียงหน้ากากแอร์ที่โผล่ออกมาเท่านั้น ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานในการส่งความเย็นจากเบื้องบนสู่เบื้องล่างได้อย่างทั่งถึง กระจายลมเย็นได้อย่างเหมาะสมทั่วทุกพื้นที่ ได้รับแอร์เย็น ๆ กันอย่างทั่วถึง
แอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศ คือ
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับปรับอุณหภูมิของอากาศในเคหสถาน เพื่อส่งอากาศที่บริสุทธิ์ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป หรือ ใช้รักษาภาวะอากาศให้คงที่ เพื่อจุดประสงค์อื่น ในเคหะสถานในเขตร้อนชื้นมักมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลง
ซึ่งเครื่องปรับอากาศมีทั้งแบบตั้งพื้น แบบติดผนัง เป็นทั้งแอร์สี่ทิศทาง แอร์แขวนเพดาน แอร์ฝังเพดาน ซึ่งเมื่อแอร์ทำงานการถ่ายเทความร้อน เมื่อความร้อนถ่ายเทออกไปข้างนอกอากาศภายในห้องจะมีอุณหภูมิลดลง
แอร์มีกี่ประเภท
1.แอร์ติดผนัง
เป็นแอร์แบบฝังติดเพดานหรือเป็นแอร์แขวนเพดานที่พบเห็นได้บ่อย เป็นเครื่องปรับอากาศที่สามารถติดตั้งได้ง่าย บำรุงรักษา ซ่อมได้ง่าย มีการทำงานที่เงียบ มีหลากหลายฟังก์ชัน เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โดยแอร์ติดผนังส่วนใหญ่มีตั้งแต่ BTU 9000 – 20000 BTU.
2.แอร์เพดาน , แอร์สี่ทิศทาง
เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ เป็นแอร์แขวนใต้ฝ้า มีราคาค่อนข้างสูง การติดตั้งซับซ้อน มีจุดเด่นของเครื่องปรับอากาศชนิดนี้คือ สามารถกระจายความเย็นได้ทั่วถึง จะมองไม่เห็นตัวเครื่องปรับอากาศโผล่ออกมาด้านนอก ทำให้ประหยัดพื้นที่ นิยมติดในบ้านหลังใหญ๋ ๆ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม
หรือจะเป็นแอร์คาสเซ็ท ฝังเพดานที่ติดตั้งในแบบฝังซ่อนบนฝ้าเพดาน เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่ หรือการตกแต่งบ้านแบบ Build in ที่ไม่ต้องการเห็นแฟนคอยล์ของแอร์ เห็นเพียงหน้ากากเรียบ ๆ ของแอร์อย่างเดียว โดยปกติแอร์สี่ทิศทางจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 13000-48000 BTU. แอร์แบบนี้จะช่วยลดปัญหาในการติดตั้งท่อน้ำยาลัดเลาะตามมุมของห้อง
3.แอร์แบบตู้ตั้งพื้น
แอร์แบบนี้จะมีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยม ไม่นิยมใช้งานภายในบ้าน เพราะตัวตู้มีขนาดใหญ่ สามารถตั้งอยู่กับพื้นตามจุดต่าง ๆ ทีเหมาะสม ซึ่งแอร์แบบนี้เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุม ห้องสัมมนา งานเลี้ยงต่าง ๆ สนามบิน เป็นต้น
4.แอร์เคลื่อนที่
แอร์แบบนี้จะเริ่มพบเห็นได้บ่อยมากขึ้น เพราะเป็นแอร์ขนาดเล็กที่สามารถเคลื่อนที่ไหไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แอร์ชนิดนี้มีขนาด BTU ที่ต่ำ จึงไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่สักเท่าไหร่ แต่เหมาะกับใช้เปิดในระหว่างการนั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่น โต๊ะอาหาร โต๊ะทำงานส่วนตัว
แอร์เพดานคืออะไร
เป็นแอร์ที่เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ ที่ต้องการความสวยงาม คือ ตัวแอร์จะสามารถซ่อนตัวเครื่องปรับอากาศได้ แอร์เพดานจะอยู่กลางห้อง แรงลมกระจายหลายทิศทางทั่วห้อง ไม่ดูเกะกะ
โดยตัวเครื่องเมื่อติดตั้งเสร็จจะมีความหรูหราในตัวมันเอง โดยเราจะเห็นคนนิยมใช้ที่เน้นในเรื่องความสวยงาม เพียงแต่มีข้อเสียคือราคาในการติดตั้งมีราคาสูงกว่า ช่างที่มาติดตั้งจะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ส่วนเรื่องการบำรุงรักษา การล้างแอร์ ระบบระบายน้ำค้างออกไป ต้องมีการปั๊มเดรนน้ำทิ้งต่างหาก ไม่ได้เป็นท่อระบายน้ำทิ้งแบบแอร์ทั่วไปที่ทำให้ต้องอาศัยช่างที่ชำนาญการเป็นพิเศษ ซึ่งแอร์เพดานนี้จะไม่เหมาะกับห้องที่มีเพดานสูง ส่วนใหญ่ถ้าเพดานห้องสูงกว่า 3.5 เมตร จะติดไม่ได้
คุณสมบัติของแอร์เพดาน
1.แอร์เพดานควรมาพร้อมระบบฟอกอากาศ
ชุดคอยล์เย็นแบบฝังฝ้าเพดาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันฟอกอากาศ ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง ผ่านการรับรองจาก CAC มอบอากาศที่สะอาดและเย็นสดชื้นแม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
2.ระบบแผ่นกรองอากาศเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
ระบบฟอกอากาศ 5 ขั้นตอน ช่วยขจัดกลิ่น เชื้อโรค และฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง PM 1.0 ที่มองไม่เห็น โดยแผ่นกรองนี้จะสามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำได้ ใช้งานได้อย่างยาวนาน
3.สามารถทำความเย็นได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
ทำความเย็นและฟอกอากาศบริสุทธิ์แม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 147 m2 สร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและดีต่อสุขภาพในพื้นที่หลากหลายเช่น ในโรงเรียนอนุบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า
4.เทคโนโลยีตรวจจับผู้ใช้งาน
มีการตรวจสอบระดับความชื้นของพื้นที่ภายในอาคาร เพื่อรองรับการทำความเย็นอย่างเหมาะสมสำหรับสภาพอากาศที่หลากหลาย เช่นในฤดูรอ้นที่ความชื้นสูง แอร์จะปล่อยลมที่เย็นกว่าเพื่อให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนในฤดูร้อนที่อากาศแห้งความชื้นต่ำ แอร์จะปล่อยลมเพียงเบา ๆ เพื่อรักษาความชื้นภายในห้อง มีฟังก์ชันตรวจจับความชื้นช่วยแก้ไขปัญหา อาการเจ็บป่วยทีเกิดจากการใช้แอร์ ตาแห้ง โรคผิวหนังแห้งได้
5.โหมดเพดานสูง
โหมดเพดานสูง ให้การระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความร้อนได้สูงถึง 4 .2 เมตรจากเพดานถึงพื้น สามารถเพิ่มความแรงของลมได้โดยการปรับความเร็วพัดลม
6.การควบคุมใบพัดอย่างอิสระ
มีล้กษณะการทำงานใบพัดที่อิสระ โดยใช้มอเตอร์ที่แยกส่วน ทำให้สามารถควบคุมใบพัดได้ทั้งสี่ทิศได้อย่างอิสระ
7.การออกแบบหน้ากาก
การออกแบบมุมที่สามารถถอดออกได้ จะช่วยให้ง่ายต่อการปรับและตรวจสอบการรั่วไหลในท่อระบายน้ำ ซึ่งหน้ากากจะถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการติดตั้งและการใช้งาน
8.มีตะแกรงยกขึ้นลงโดยอัตโนมัติ
ตะแกรงยกขึ้นลงอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาดแผ่นกรอง ด้วยประสิทธิภาพของโครงสร้างรับน้ำหนักได้ถึง 4 จุด พร้อมฟีเจอร์ปรับระดับอัตโนมัติ และหยุดอัตโนมัติ รวมถึงการบันทึกความจำเกี่ยวกับระดับความสูงของผู้ใช้
วิธีเลือกซื้อแอร์เพดาน
1.โหมดการทำงาน
เลือกจากโหมดการทำงานที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะกับสิ่งที่ต้องการได้ทันที ไม่ว่าจะโหมดการควบคุมลม การปรับอุณหภูมิ การปรับความชื้น เพราะเราต้องปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เข้ากับอากาศในแต่ละวัน หากแอร์ไม่มีโหมดให้เราได้ปรับความเย็ฯที่ปล่อยออกมาอาจไม่เย็นตามต้องการ
2.ดูที่ค่าบีทียู
แอร์ตัวไหนมีค่าบีทียูมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนให้หายไปยิ่งเร็วมากขึ้น ดังนั้นควรเลือกค่า BTU ให้เหมาะกับขนาดของห้อง หากเลือกค่า BTU ที่ผิดค่าอาจทำให้ห้องเกิดความร้อนไม่ได้ความเย็นที่สมดุล ดังนั้นควรเลือกค่าบีทียูดังต่อไปนี้
- ห้องทำงานขนาดเล็กที่มีขนาด 9-28 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 5000 BTU
- ห้องนอนขนาดกลาง 23-37 ตารางเมตร เลือกแอร์ 7000-8500 BTU
- ห้องรับแขกที่เปิดกว้าง 32-60 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 9800-13500 BTU
- สำนักงานขนาดใหญ่ พื้นที่คนอยู่จำนวนมาก ควรเลือกแอร์ 33,000 BTU ขึ้นไป
การเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับห้อง
ใช้สูตรดังนี้
ขนาด BTU = ความกว้างของห้อง (เมตร) x ความยาวของห้อง (เมตร) x ค่าตัวแปร
ค่าตัวแปรจะเป็นดังนี้ :
600 – 800 .=ใช้กับห้องที่ร้อนน้อย
800 – 900 = ใช้กับห้องที่ร้อนปานกลาง
900 – 1000 = ใช้กับห้องที่ร้อนมาก
1000 – 1200 = ใช้กับร้านค้าที่มีการเปิดประตูบ่อยๆ
วิธีคำนวณ คือ ให้เอาไปแทนที่สมการ จะได้เท่ากับขนาด BTU
TIP : เราสามารถเผื่อได้นิดหน่อยโดยให้เลือก BTU ที่มากกว่าที่คำนวณเพื่อความชัวร์ว่าที่คำนวณมาจะเย็นจริง แต่ต้องไม่เผื่อขนาดมากจนเกินไปเพราะจะมีผลต่อการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ จะทำให้ไม่เย็น
3.มีระบบฟอกอากาศ
เลือกแอร์เพดานที่มีระบบฟอกอากาศติดมาด้วย นอกจากจะได้ความเย็นแล้วยังได้รับอากาศที่บริสุทธิ์อีกด้วย ช่วยให้คนเป็นโรคภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อยได้อย่างดี ถือว่าสำคัญมากที่ควรเลือกระบบฟอกอากาศติดในตัวเครื่อง
4.การติดตั้ง
เรื่องที่สำคัญของการติดแอร์เพดาน จะต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพราะขั้นตอนยุ่งยากกว่าแอร์ทั่วไป ดังนั้นตอนเลือกซื้อควรเลือกที่มีบริการติดตั้งให้ด้วย หรืออาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมนิดหน่อย
5.เลือกผลิตภัณฑ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เสมอ เพราะที่ทราบกันดีว่าแอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าเยอะ ดังนั้นต้องเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดไว้ด้วย
วิธีคำนวณ BTU แอร์ ให้เหมาะกับห้อง
สรุป
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับการใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ตัวอย่างในห้องประชุมขนาดใหญ่ ห้องสัมมนา ภัตตาคาร ห้องจัดเลี้ยง โรงพยาบาล โรงแรม โรงภาพยนตร์ การเลือกติดตั้งแอร์เพดานเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับงานนี้
เพราะแอร์เพดานเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ กระจายความเย็นจากด้านบนสู่ด้านล่างได้อย่างทั่วถึง สามารถติดกับเพดานได้สบาย ให้ความหรูหรา ไม่เกะกะตา ให้ความสะดวกสบายได้อย่างดี
เพียงแต่ต้องอ่านหลักการเลือกซื้อให้ละเอียดจากในบทความนี้กันก่อน เพื่อจะได้ถูกประเภท ถูกกับพื้นที่ที่มีอยู่ ถูกกับงบประมาณที่มี เพราะการเลือกแอร์ผิดประเภทไม่เหมาะกับพื้นที่และขนาดของห้อง
จะทำให้เราไม่ได้รับความเย็นที่คุ้มค่าเลยกับเงินที่จ่ายไป มีแต่สูญเงินไปเปล่า ๆ ความเย็นก็ไม่ได้ เงินก็ต้องจ่ายมากขึ้นกับค่าไฟที่ขึ้นเอา ๆ มีแต่เสีย ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากจะเจอะเจอกันใช่ไหม
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
แอร์เพดาน Daikin รุ่น FCFC
-สามารถติดตั้งบนเพดานสูงได้ถึง 4.2 เมตร
-เย็นเร็ว กระขายลมได้รอบทิศทาง 360 องศา
แอร์เพดาน CARRIER รุ่น X-POWER INVERTER
-ระบบอินเวอร์เตอร์ ขนาด 13300-40200 BTU
-บานสวิงกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ประหยัดไฟ
แอร์เพดาน LG รุ่น AT-Q
-ตัวเครื่องบางกระทัดรัด น้ำหนักเบา มีระบบป้องกันไฟตก
-ประสิทธิภาพทำความเย็นสูงแม้พื้นที่มีฝ้าเพดานสูงถึง2เมตร
แอร์เพดาน MITSUBISHI รุ่น PLY-SM
-ได้รับการรับรองฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 น้ำยา R32
-สามารถเดินท่อน้ำยาได้ไกลถึง 50 เมตร การทำงานเงียบ
แอร์เพดาน YORK รุ่น 4
-ออกแบบตัวเครื่องให้บางลง ช่วยลดพื้นที่ในการติดตั้ง
-สามารถปรับความเย็นได้ 4 ระดับ เสียงทำงานเงียบ
แอร์เพดาน Hitachi รุ่น Cassette Type Inverter Primairy Series
-เหมาะสำหรับการติดตั้งที่บริเวณฝ้าและเพดานสูง
-กระจายลมได้ทุกทิศทางให้ความเย็นเต็มประสิทธิภาพ
แอร์เพดาน SAIJO DENKI รุ่น TURBO SSC
-ควบคุมการด้วยรีโมท สะดวกสบายเหมาะทุกการใช้งาน
-แฟนคอยล์และตัวคอยล์ร้อน ทำด้วยเหล็กที่เป็นหนาพิเศษ
แอร์เพดาน Gree รุ่น U Match Cassette
-สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
-ระบบอินเวอร์เตอร์ ขนาด 18772-49400 BTU
แอร์เพดาน Hisense
-มีระบบ Sensor ตรวจจับสารทำความเย็นรั่วไหล
-บานสวิงขนาดใหญ่สามารถกระจายแรงลมได้ 360 องศา
แอร์เพดาน HAIER
-ระบบกระจายความเย็นรอบตัวทำให้สบายทุกมุมห้อง
-ผลิตจากวัสดุตุณภาพดี ดีไซน์สวยมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ