เพราะสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรดูแลรักษาช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการใช้ ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์สำหรับคนทั่วไป หรือใช้ ยาสีฟันฟันขาว , ยาสีฟันคนจัดฟัน , วิตามินแบบเม็ดฟู่ สำหรับคนจัดฟัน ใช้แปรงสีฟัน แปรงสีฟันไฟฟ้า ให้ถูกกับลักษณะของช่องปาก
หรือแม้กระทั่งในเด็กเล็ก ก็ควรเลือก แปรงสีฟันเด็ก ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเด็ก เพราะออกแบบมาให้ถูกกับสรีระของช่องปากเด็ก แล้วเมื่อแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็สามารถจัดเก็บใน ที่ใส่แปรงสีฟัน โดยเฉพาะ บนชั้นวางของในห้องน้ำ ให้ถูกสุขลักษณะ
แล้วอีกวิธีคือการใช้ น้ำยาบ้วนปาก ซึ่งมีทั้งของผู้ใหญ่และของเด็ก ต้องเลือกใช้ให้ถูกประเภท โดยเฉพาะเลือกน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ เพราะน้ำยาบ้วนปากเป็นวิธีที่ช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียได้ดี แก้เหงือกอักเสบ ขจัดหินปูน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ช่วยซอกเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียได้ ถึงบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง แล้วน้ำยาบ้วนปากคืออะไร ประโยชน์ วิธีการเลือก เป็นอย่างไร เพื่อการใช้น้ำยาบ้วนปากได้อย่างถูกวิธี
สาเหตุของปัญหากลิ่นปาก
กลิ่นปากเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเฉพาะการรับประทานอาหาร อย่างหอมใหญ่ กระเทียม หรืออาหารกลิ่นฉุนรุนแรง หรือ กลิ่นปากที่อาจเกิดจากปัจจัยการแปรงฟันหรือขัดฟันไม่สะอาดทั่วถึงเพียงพอ เพราะการแปรงฟันอย่างถูกวิธีจะช่วยขจัดเศษอาหารจากฟันได้หมด แต่ถ้ามีตกค้างหลงเหลืออยู่ตามซอกฟันจะทำให้เกิดการก่อตัวของแบคทีเรีย โดยการก่อตัวของแบคทีเรียส่งผลให้เกิดกลิ่นปากที่เหม็นได้
น้ำยาบ้วนปาก คืออะไร
เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายในช่องปากสำหรับต้านเชื้อจุลินทรีย์ กำจัดคราบอาหาร ลมหายใจหอมสดชื่น มีกลิ่นอ่อนโยน ไม่แสบปาก มีสรรพคุณ ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เหงือกอักเสบ ขจัดหินปูน ไม่เสียวฟัน ไม่แสบปาก มักใช้ควบคู่หลังการแปรงฟัน หรือไม่สามารถแปรงฟันได้ตามปกติ
ส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปาก
สิ่งสำคัญคือ ส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปาก ที่จะช่วยดับกลิ่นปาก ยับยั้งแบคทีเรียได้อย่างดี ซึ่งส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปากมีดังนี้
- เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ Cetylpyridinium Chloride – สารประกอบแอมโมเนียม ที่สามารถกำจัดกลิ่นปากได้ดี รวมถึงกำจัดแบคทีเรียและยับยั้งการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์
- คลอร์เฮกซิดีน Chlorhexidine – ส่วนประกอบสำคัญในการรักษาโรคปริทันต์ และต้านคราบจุลินทรีย์ได้ดี แต่ถ้าหากใช้เป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดคราบสีบนผิวฟันได้
- ฟลูออไรด์ – ส่วนผสมฟลูออไรด์ในน้ำยาบ้วนปาก อย่างเช่น สแตนนัสฟลูออไรด์ โซเดียมฟลูออไรด์ จะช่วยป้องกันฟันผุได้ดี แต่ถ้าใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ก็ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์อีก
- น้ำมันหอมระเหย – ในน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ผสม มักใช้ น้ำมันหอมระเหย ด้วย เช่น เมนทอล และยูคาลิปตอล ทำหน้าที่เหมือนตัวดับกลิ่นปาก รวมถึงช่วยในการต้านแบคทีเรีย
- เอนไซม์ต้านแบคทีเรีย – เอนไซม์อย่างไลโซไซม์ และแลคโตเพอออกซิเดส ในน้ำยาบ้วนปาก อาจช่วยลดอาการปากแห้งได้
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ Hydrogen Peroxide – สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดคราบจุลินทรีย์ โรคเหงือกอักเสบ แต่ไม่แนะนำให้ใช้มากเกินไปเพราะจะเกิดการระคายเคืองได้
- สารฆ่าเชื้อในจุลินทรีย์ – ในน้ำยาบ้วนปากสูตรแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อแทนการใช้กลุ่มน้ำมันหอมระเหยที่ออกฤทธิ์ได้ไม่ดี หากไม่ใช้แอลกอฮอล์ แต่ให้รสขมติดปาก ทำให้ต้องใส่วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลเพื่อช่วยปรับรสชาติ
แอลกอฮอล์ในน้ำยาบ้วนปาก
น้ำยาบ้วนปากมี่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม อาจมีความเสี่ยงของมะเร็งในช่องปากหรือไม่ เพราะปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งในช่องปากคือ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าอาจเป็นปัจจัยเสี่ยง และระบุว่าไม่เป็นปัจจัยเสี่ยง แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องแนะนำว่าคนที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก จึงไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ประเภทของน้ำยาบ้วนปาก
จากการสำรวจของนิตยสารฉลาก พบผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากหลายชนิด โดยแบ่งประเภท 5 กลุ่มคือ
1.กลุ่มที่กลบกลิ่นและสร้างความสดชื่นในช่องปากด้วยน้ำมันหอมระเหย
น้ำยาบ้วนปากกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยไม่เพียงให้กลิ่นหอมและความรู้สึกเย็นสดชื่น แต่ยังมีฤทธืในการระงับการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ด้วย โดยน้ำมันหอมระเหยที่นิยมใช้ได้แก่ Thymol, Menthol, Eucalyptol, Methyl Salicylate, Clove oil เป็นต้น
โดยน้ำยาบ้วนปากกลุ่มนี้ช่วยกลบกลิ่นปากได้ 2-3 ชั่วโมง แต่กลิ่นหอมจะอยู่ได้ไม่นานอยู่ได้แค่ประมาณ 20 นาทีก็จะจางไป เนื่องจากน้ำมันหอมระเหยจะผสมแอลกอฮอล์ในความเข้มข้นที่ 10-30 เปอร์เซนต์
ทำให้เกิดภาวะแสบร้อน ทำให้หลายคนใช้น้ำยาบ้วนปากได้ไม่นาน แต่ปัจจุบันมีสูตรแบบไร้แอลกอฮอล์ออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้
2.กลุ่มที่ผสมสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ร่วมกับฟลูออไรด์
สารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำยาบ้วนปาก ก็เพื่อลดจำนวนจุลินทรีย์ในปากลง แต่ถ้าใช้ไม่ถูกหรือใช้ในระยะเวลาที่ไม่นานพอ สารจะถูกดูดซับไว้ในช่องปากก็เหมือนกับไม่เห็นผลลัพธ์ในการระงับเชื้อเลย จึงควรใช้ให้ตรงตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์
ปัจจุบันสารฆ่าเชื้อได้แก่ กลุ่มน้ำมันหอมระเหย อย่างไธมอล เมนทอล ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
สำหรับน้ำยาบ้วนปากสูตรไร้แอลกอฮอล์ จะนิยมใส่สาร Cetylpyridinum Chloride เพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อแทนการใช้กลุ่มน้ำมันหอมระเหยที่จะออกฤทธิ์ได้ไม่ดีหากไม่ใช้แอลกอฮอล์ในการทำละลาย
ฟลูออไรด์ที่ผสมในน้ำยาบ้วนปาก จะมีผลในการป้องกันฟันผุได้จริง แต่ต้องใช้กลั้วปากให้นานอย่างน้อย 1 นาที และไม่บ้วนน้ำตาม ซึ่งน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีใช้ตามคำเตือนบนฉลาก
ซึ่งปกติเราจะได้รับฟลูออไรด็จากการใช้ยาสีฟันอยู่แล้ว ดังนั้นหากรับฟลูออไรด์มากไปอาจเกิดปัญหาฟันตกกระได้แต่สำหรับคนที่เสี่ยงต่อฟันผุ กินขนมหวาน น้ำอัดลมบ่อย ๆ หรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเหงือกร่น อาจต้องใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ด้วยเพื่อป้องกันฟันผุที่รากฟันได้
3.กลุ่มที่ผสมสารเพื่อลดปัญหาในช่องปาก
ปัญหาในช่องปาก ได้แก่เสียวฟัน ลดคราบหินปูน แก้เหงือกอักเสบ ขจัดหินปูน ซึ่งน้ำยาบ้วนปากที่ใช้ลดอาการเสียวฟัน จะใช้สารออกฤทธิ์ Potassium Nitrate ร่วมกับการใช้สารฆ่าเชื้อ จะช่วยบรรเทาอาการเสียวฟันได้ ส่วนสารออกฤทธิ์สำคัญอย่างสาร Zinc Chloride, Zinc Lactate จะช่วยลดคราบหินปูน และช่วยลดคราบต่าง ๆ ได้ดี
4.น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็ก
น้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กออกแบบมาเพื่อป้องกันฟันผุสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือสารฟลูออไรด์ ไม่มีสารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และไม่มีแอลกอฮฮล์ผสม ซึ่งการเลือกน้ำยาบ้วนปากสำหรับเด็กควรเลือกในกลุ่มสำหรับเด็กใช้ได้เท่านั้น
ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี สำหรับผู้ปกครองที่ดูแลสุขภาพช่องปากเด็กมาอย่างดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปาก
5.กลุ่มครอบจักรวาล Total Care
กลุ่มที่ดูแลหมดทุกอย่าง เป็นทั้งน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ สรรพคุณ ลดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ ลดคราบหินปูน ลดเสียวฟัน ควรเลือกใช้ให้ตรงตามความต้องการ
การใช้น้ำยาบ้วนปาก
ในการใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็เพื่อช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง หรือแปรงไม่สะอาด ไม่ถูกวิธีการแปรง ซึ่งการใช้น้ำยาบ้วนปากสามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังแปรงฟัน และควรกลั้วให้ทั่วปาก อมทิ้งไว้ประมาณ 40 วินาที ไม่ควรนานเกิน 1 นาที เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่ไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำเปล่าตาม
วิธีใช้น้ำยาบ้วนปาก
รู้หรือไม่ว่า การแปรงฟันจะสามารถทำความสะอาดได้แค่เพียง 25% ของช่องปาก ดังนั้นการใช้น้ำยาบ้วนปากร่วมด้วยอย่างน้อยวันละสองครั้ง จะช่วยให้สุขภาพช่องปากโดยรวมแข็งแรงได้มากขึ้น
1.รินน้ำยาบ้วนปาก 20 มิลลิเมตร ลงในฝาขวด หรือ 4 ช้อนชา
2.ค่อย ๆ เทน้ำยาบ้วนปากเข้าปาก โดยไม่ต้องผสมน้ำลงไป
3.จากนั้นกลั้วปากไปมาเป็นเวลา 30-40 วินาที โดยการนับในใจ 1-40 และไม่ต้องห่วงว่าจะกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากไม่ถึงเวลาที่กำหนด เพราะต่อ ๆ ไปจะเข้าใจและกลั้วปากได้ตามกำหนดเอง
4.กลั้วน้ำยาบ้วนปากไปมาด้วย ระหว่างรอให้ครบ 40 วินาที
5.เมื่อครบเวลา ให้บ้วนน้ำยาบ้วนปากลงได้เลย เป็นอันเสร็จพิธี
เคล็ดลับการใช้น้ำยาบ้วนปาก
1.อมน้ำยาบ้วนปาก ควรเงยหน้าขึ้นให้น้ำยาได้สัมผัสช่องปากลึกถึงลำคอ
2.อมน้ำยาบ้วนปากทิ้งไว้สัก 40 วินาที เพื่อให้น้ำยาสัมผัสเนื้อเยื่อของปาก
3.ไม่ควรบ้วนน้ำเปล่าตาม เพราะจะชะล้างตัวยาออกมาหมด
4.หลังใช้น้ำยาบ้วนปาก ควรงดดื่มน้ำ หรือทานอาหารสักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ตัวน้ำยาบ้วนปากได้ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
ประโยชน์ของน้ำยาบ้วนปาก ช่วยอะไร
น้ำยาบ้วนปากมีสรรพคุณ ลดกลิ่นปาก ขจัดหินปูน แล้ว ยังมีส่วนผสมพิเศษที่ช่วยดูแลปัญหาสุขภาพในช่องปากอื่น ๆ ได้อีกเช่น
- ลดการก่อตัวของไบโอฟิลม์ในช่องปาก
- ลดกลิ่นปาก
- ทำให้ฟันขาวขึ้น
- ลดการเกิดเหงือกอักเสบ
- ลดและต้านเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อช่องปาก
- ออกฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ได้นาน
- บรรเทาอาหารปวดเฉพาะจุดในช่องปาก
น้ำยาบ้วนปากจำเป็นหรือไม่
ทางเลือกสำหรับการดูแลความสะอาดสุขภาพช่องปากคือ การใช้น้ำยาบ้วนปาก ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ให้เห็นว่าช่วยยับยั้งคราบจุลินทรีย์แบคทีเรียในช่องปาก ลมหายใจสดชื่น ลดโอกาสฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบ การบ้วนปากจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษาทำความสะอาดช่องปาก
น้ำยาบ้วนปากที่ขายกันตามท้องตลาดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่
1.น้ำยาบ้วนปากชนิดทั่วไป Cosmetic mouthwash
เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมในเรื่องการกำจัดแบคทีเรียในช่องปาก จึงอาจระงับกลิ่นปากได้เพียงแค่ระยะสั้น ๆ
2.น้ำยาบ้วนปากที่ใช้รักษาโรคในช่องปาก Therapeutic Mouthwash
เป็นน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Cetylpyridinium Chloride, Fluoride, Chlorhexidine เรื่องการกำจัดแบคทีเรียและลดคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก สารเหล่านี้มีคุณสมบัติป้องกันฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ และระงับกลิ่นปากได้
ข้อควรระวังในการใช้น้ำยาบ้วนปาก
- ไม่สามารถใช้แทนการแปรงฟัน
การแปรงฟันอย่างถูกวิธีจะช่วยกำจัดเศษอาหาร คราบจุลินทรีย์ออกไปได้หมด แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากเสริมด้วยก่อนหรือหลังแปรงฟัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดช่องปากได้มากยิ่งขึ้น โดยใช้น้ำยาบ้วนปากในปริมาณไม่เกิน 4-6 ช้อนชา แล้วอมน้ำยา กลั้วน้ำยาบ้วนปากให้ทั่วช่องปากประมาณ 40 วินาทีแล้วค่อยบ้วนออกโดยไม่ต้องกลั้วน้ำเปล่าตาม
- ใช้น้ำยาบ้วนปากในระยะเวลาที่พอเหมาะ
ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยหรือเป็นเวลานานเกินไป แต่ใช้เสริมการแปรงฟันสำหรับคนที่มีแนวโน้มฟันผุง่าย โรคเหงือก ปากเป็นแผล เนื่องจากคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อดรคของน้ำยาบ้วนปาก จะสามารถทำลายสมดุลในช่องปากและคราบแบคทีเรียได้ดี
- เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากทุกประเภท
ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากทั้งมีหรือไม่มีแอลกอฮอล์ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะเด็กที่ต่ำกว่า 6 ปีอาจจะยังบ้วนหรือกลั้วปากไม่เป็น อาจทำให้เผลกกลืนน้ำยาบ้วนปากลงไปได้
วิธีเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปาก
- ประเภทแรก คือ คลอเฮกซิดีน Chlorhexidine
เป็นสารที่ช่วยลดการเกิดคราบไบโอฟิล์ม และเหงือกอักเสบ วิธีการใช้แนะนำให้ใช้ทันทีหลังการแปรงฟัน และ ไม่ควรใช้นานต่อเนื่องเกินสองสัปดาห์ เพราะอาจเกิดคราบสีที่ฟัน ที่ไม่สามารถกำจัดด้วยการแปรงฟัน ซึ่งการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้น
- ประเภทสอง คือ เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ Celylpyridinium Chloride หรือ CPC
น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน เนื่องจาก CPC เป็นสารออกฤทธิ์ที่มีประจุ ในการลดคราบไบโอฟิล์มและเหงือกอักเสบ จึงควรใช้หลังการแปรงฟันสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญหลังการใช้ไม่ควรทานอาหารหรือดื่มน้ำทันที เพราะอาจทำให้เกิดการติดสีของอาหารที่ฟันได้
- ประเภทสาม คือ น้ำมันสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ Essential Oils
เป็นสารไม่มีประจุ และมีโมเลกุลขนาดเล็กซอกซอนได้ดี ช่วยลดการเกิดคราบไบโอฟิล์มและเหงือกอักเสบได้ มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระบุว่า สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทนี้ได้เป็นประจำทุกวันโดยไม่ก่อให้เกิดคราบสีที่ฟัน เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากชนิดนี้จะมีรสชาติเฉพาะตัวจากสารสกัดธรรมชาติ เมื่อบ้วนปากแล้วจะรู้สึกสดชื่น
คำถามที่พบบ่อยสำหรับน้ำยาบ้วนปาก
ใช้ตอนไหน
สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากทั้งก่อนและหลังแปรงฟัน โดยอมน้ำยาบ้วนปากเอาไว้ในปริมาณ 4-5 ช้อนชา เป็นเวลา 40 วินาที กลั้วให้ทั่วช่องปาก จากนั้นค่อยบ้วนทิ้งไปได้เลย
กลืนได้ไหม
การเผลอกลืนน้ำยาบ้วนปากลงไป อาจส่งผลให้มีอาการคล้ายกับการดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากเข้าไปนั่นเอง โดยอาจทำให้มีอาการด้านลำไส้และปวดท้องและนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของกรดเบสในร่างกายได้เช่นกัน
อมน้ำยาบ้วนปากกี่นาที
สามารถอมน้ำยาบ้วนปาก กลั้วให้ทั่วช่องปาก ได้เป็นเวลา 30 40 50 60 วินาทีเพียงพอ
ระงับกลิ่นปากได้จริงหรือไม่
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า กลิ่นปาก คือก๊าซที่เป็นสารประกอบของซัลเฟอร์ จะก่อตัวมาจากแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคในช่องปาก คราบจุลินทรีย์ น้ำยาบ้วนปากอาจมีส่วนช่วยในการควบคุม หรือระงับกลิ่นปากได้
แม้การใช้น้ำยาบ้วนปากจะไม่สามารถนำมาใช้ดูแลสุขอนามัยในช่องปากแทนการแปรงฟันได้ เพราะกลิ่นปากเกิดจากการดูแลช่องปากไม่ดีพอ แต่หากใส่ใจการดูแลช่องปากให้สะอาด น้ำยาบ้วนปากก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
น้ำยาบ้วนปากรักษาโรคในช่องปากได้หรือไม่
ในน้ำยาบ้วนปากบางประเภทผลิตมาเพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์ รวมถึงป้องกันโรคเหงือกอักเสบในระยะเริ่มแรกได้
ใช้น้ำยาบ้วนปากแล้วยิ่มอมยิ่งแสบ แสดงว่าฆ่าเชื้อได้ดีจริงหรือไม่
ไม่ถูกต้อง เพราะอาการแสบปากขณะกลั้วปากหมายถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากไป ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุภายในช่องปาก รวมถึงผิวปากบางลง ทำให้รู้สึกเสียวฟัน เกิดแผลในช่องปากได้ จึงควรเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮฮล์เป็นดีที่สุด
ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยไป ช่องปากสะอาดขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
ไม่จริงแต่อย่างใด เพราะในช่องปากไม่ได้มีแค่แบคทีเรียไม่ดี แต่ยังมีแบคทีเรียดีรวมอยู่ด้วย หากใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยไปอาจทำลายเชื้อแบคทีเรียจนเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราในช่องปาก ส่งผลเสียต่อเคลือบผิวฟัน ตุ่มรับรสชาตลิ้นผิดเพี้ยนไป
ใช้น้ำยาบ้วนปากแล้วต้องบ้วนน้ำสะอาดตามหรือไม่
ไม่ควรบ้วนน้ำสะอาดตาม เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากมีสารฟลูออไรด์ที่ช่วยทำความสะอาดช่องปาก และเคลือบฟันแข็งแรง หากบ้วนน้ำสะอาดตามอาจทำให้น้ำยาบ้วนปากประสิทธิภาพลดลง
บ้วนปากทันทีหลังแปรงฟันได้หรือไม่
ไม่จำเป็น เพราะยาสีฟันจะมีสารฟลูออไรด์อยู่ จึงควรปล่อยให้ฟลูออไรด์ทำงานในช่องปากอย่างน้อย 30 นาทีแล้วใช้น้ำยาบ้วนปากต่อ
น้ำยาบ้วนปากจำเป็นไหม
สรุป
น้ำยาบ้วนปากเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมในการทำความสะอาดช่องปาก โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าจะสามารถดับกลิ่นปาก และรักษาสุขภาพฟันเหงือกในการขจัดสิ่งสกปรกในส่วนที่การแปรงฟันเข้าได้ไม่ทั่วถึง
อย่างไรก็ตามทุกคนก็ยังต้องรักษาความสะอาดด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีเสมอ รวมถึงหมั่นตรวจเช็คสุขภาพช่องปาก และฟันกับทันตแพทย์อย่างน้อย ปีละ1-2 ครั้ง เพื่อให้สุขภาพฟันของเราแข็งแรงตลอดเวลา จะได้สร้างรอยยิ้มที่สวยงามและพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างมั่นใจ
อ้างอิง
- น้ำยาบ้วนปากมีประโยชน์จริงหรือไม่ : ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง
- น้ำยาบ้วนปากจำเป็นจริงหรือ : พบแพทย์
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี
น้ำยาบ้วนปาก Colgate
-ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย 99.9 %
-สูตร 0 % แลกอฮอล์ ไม่แสบปาก หอม สดชื่นยาวนาน
น้ำยาบ้วนปาก Kirei Kirei
-กลิ่นหอม สดชื่น ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและคราบสกปรกได้
-ใช้งานง่าย แบบขวดปั๊ม สามารถใช้ได้มากถึง 200 ครั้ง
น้ำยาบ้วนปาก Listerine
-ลดการก่อตัวของหินปูน ป้องกันฟันผุ
-ลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย 99.9 %
น้ำยาบ้วนปาก Dentiste
-ส่วนผสมจากธรรมชาติไม่ทำให้เกิดการแพ้และระคายเคือง
-ลดแบคทีเรียที่ไม่ดีและรักษาแบคทีเรียที่ดีให้คงอยู่ยาวนาน
น้ำยาบ้วนปาก Propolinse
-ช่วยรักษาทำความสะอาดช่องปาก ไม่แสบปาก
-ช่วยลดคราบเหลือง ทำให้ฟันขาวยิ่งขึ้น
น้ำยาบ้วนปาก C-20 chlorhexidine
-ช่วยรักษาเชื้อราในช่องปาก ช่วยให้ปากสะอาด
-ช่วยป้องกันการสะสมของคราบหินปูน
น้ำยาบ้วนปาก Oral B
-ลดหายใจ หอม สดชื่น ยาวนาน 5 เท่า
-ลดการสะสมของแบคทีเรีย 99 %
น้ำยาบ้วนปาก Fluocaril
-น้ำยาบ้วนปากสีชมชมพูอ่อน กลิ่นกีวีมินต์ หอม สดชื่น
-เหมาะสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ ป้องกันโรคเหงือกได้ดี
น้ำยาบ้วนปาก Propolinse
-สูตรขจัดคราบโปรตีน กลิ่นหอมยาวนาน
-อ่อนโยน ไม่แสบปาก สารสกัดจากใบชาธรรมชาติ
น้ำยาบ้วนปาก Salz
-สารสกัดจากสมุนไพรข่อยช่วยลดการสะสมแบคทีเรีย
-ช่วยให้เหงือกสุขภาพดี ไม่มีแอลกอฮอล์และสารพาราเบน