มาม่าเกาหลี คืออะไร
คือ เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือที่เราสามารถเรียกในสไตล์ภาษาเกาหลีว่า รามยอน (Ramyun) เป็นเส้นบะหมี่มาม่ากึ่งสำเร็จรูป หรือที่เรียกว่า Instant Noodle ที่มีทั้งรสชาติเผ็ด และไม่เผ็ด อีกทั้งยังให้เลือกได้ทั้งแบบแห้ง และแบบน้ำ ซึ่งเราสามารถหาซื้อมาม่าเกาหลีในเซเว่น และยังสามารถนำมาทำเป็นหม้อไฟ แบบกินได้ทั้งครอบครัวใหญ่ หรือจะกินกันเพียงแค่ 1-2 คนก็ยังได้
ความนิยมในการกินราเมนและรามยอนในเกาหลีนั้น อาจจะไม่ด้เพียงแค่มาจากเทรนด์ หรือกระแสซีรี่ย์เกาหลีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มาจากคุณภาพ และการมีทางเลือกให้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมาม่าเผ็ดเกาหลี, รามยอนรสชีส, ที่สามารถทำได้ทั้ง มาม่าเกาหลีหม้อไฟ หรือแบบชามกินคนเดียวก็ยังได้ รวมถึงยี่ห้อดังแห่งยุคนี้ก็คือ ซัมยัง ที่ทำให้เรายืนเลือกไม่ถูกว่ารสไหนอร่อย
ซึ่งเราอาจจะเห็นว่าจริงๆ แล้วเส้นบะหมี่นี้ไม่ว่าจะเป็นทางเกาหลี หรือทางญี่ปุ่นนั้น มีการแบ่งลักษณะตัวเส้น และการเรียกแยกในแต่ละเส้นบะหมี่ที่แตกต่างกัน โดยเส้นทั้งหมดที่ทำมาในรูปของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือมาม่ากึ่งสำเร็จรูปในแบบเกาหลีนี้นั้น ก็มีให้เลือกทั้งรสชาติเนื้อสัตว์ต่างๆ และรสผักหรือสาหร่าย อีกทั้งยังมีทั้งในแบบซอง และแบบถ้วย
ยี่ห้อที่เราต่างรู้จักกันดีอย่างเช่น ซัมยัง Noogle Cup ที่ตอนนี้ไม่เพียงแค่รสชาติที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังมีขนาดถ้วยที่มีทั้งแบบ Noogle Cup ไซส์ใหญ่ และ Noogle Cup ไซส์เล็ก หรือหากเราต้องการที่จะกินแบบหม้อไฟร้อนๆ ในร้านอาหารเกาหลีแบบเต็นท์แดง Pocha หรือ Pojangmacha ที่เราเห็นกันในซีรี่ย์นั้น เราก็สามารถเลือกเมนูในแบบหม้อไฟ ได้อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างราเมนและรามยอน
เราคงจะเห็นว่าเส้นบะหมี่ของทางญี่ปุ่นก็จะมีชื่อเรียกหลักๆ ว่าราเมน ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถแบ่งเส้นราเมนในความหมายของคนญี่ปุ่น ได้อีกตามลักษณะของเส้น และความนุ่มของเส้น แต่สำหรับคนเกาหลีนั้น การเรียกอาหารที่เป็นเส้นบะหมี่ว่า รามยอนนั้นมีความหมายตรงตัวคือ เป็นเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีความพิเศษและทำให้ผู้คนต่างติดใจกันทั่วโลกนี้คือ ราคาที่ถูก, การนำมาทำกินในรูปแบบที่ง่าย และมีอายุที่สามารถเก็บรักษาได้นาน
คำถามก็จะมีมาว่าแล้วทำไม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีบางรสชาติ หรือบางยี่ห้อนั้นมีการระบุว่า เป็นเส้นราเมนซึ่งจริงๆ แล้วเส้นราเมนสำหรับคนญี่ปุ่น คือเส้นบะหมี่ที่ต้องทำขึ้นสด แต่หากเป็นความหมายของทางเกาหลีนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือInstant Noogle จะสามารถเรียกได้ทั้ง รามยอน และราเมน ซึ่งมีความแตกต่างกันในตัวเส้นที่จะเป็นเส้นหยัก หรือเส้นตรง ส่วนคำว่ามาม่าเกาหลีนั้น เป็นการเรียกทับศัพท์ที่นิยมกันในไทย ให้เข้าใจง่ายและมองเห็นภาพชัดกว่า
คุณสมบัติของมาม่าเกาหลี
เราอาจจะเห็นสีสันน่าสนใจ และน่าดึงดูดของซองซัมยังมาม่าเผ็ดเกาหลี หรือเคยมีประสบการณ์อยากทำเมนูมาม่าเกาหลีกิน และยืนเลือกไม่ถูกในเซเว่น ที่มีให้เลือกมากมายทั้งยี่ห้อ, สีซอง, รสชาติ และยังรวมไปถึงรูปแบบน้ำหรือแห้ง ทั้งหมดนี้คือความน่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ทั้งกับคนที่เคยคิดวิธีทำแบบใหม่ๆ และคนที่ยังไม่เคยได้ลองกินมาม่าเกาหลีรสไหนอร่อย และติดใจจนต้องซื้อตุนไว้ที่บ้าน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทั้งคนที่เคยกินมาม่าเผ็ดเกาหลี หรือรสชาติอื่นๆ มาแล้วนั้น หรือคนที่ยังไม่เคยกินและมากินในครั้งแรก สิ่งที่จะสร้างประทับ และประสบการณ์ใหม่ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็คือ รูปแบบเส้นที่หนา, นุ่ม และไม่เละ คำพูดเดียวที่คนส่วนใหญ่ได้รับรู้คือ วิเศษมากๆ สำหรับเส้นบะหมี่แบบนี้ ที่มาในรูปแบบที่ทำกินได้ง่ายๆ, ใช้เวลาต้มไม่นาน โดยเฉพาะหากเป็นแบบ Noodle Cup ด้วยแล้ว เพียงแค่เทน้ำร้อนเท่านั้น และจับเวลารอกินได้เลย
ไฮไลท์ของมาม่าเกาหลีที่แตกต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยเรา ก็คือตัวเครื่องปรุงที่มีความเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ทั้งความเข้มข้น และรสชาติพริกเกาหลี, พริกโคชูจัง, กิมจิที่เหมือนเราไปนั่งกินที่ร้านในประเทศเกาหลีเลยทีเดียว และไม่ว่าเราจะเลือกรสไหนอร่อยก็ตาม ก็จะให้รสชาติในสไตล์เกาหลี ที่ไม่เหมือนกับประเทศไหน
มาม่าเกาหลีมีกี่รสชาติ
เชื่อว่าคนมีหลายคนทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยซื้อมาม่าในแบบเกาหลี หรือคนที่ไม่เคยซื้อกินเลย จะต้องมีการเลือกมาม่าเกาหลีในเซเว่น ในแบบที่ยืนเลือกและมองสีซอง ว่าแต่ละสีเป็นรสชาติอะไรบ้าง เพราะมีตัวเลือกให้หลากหลายจนบางครั้งก็เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ซึ่งถ้าถามถึงความอร่อย และเอกลักษณ์ในทางรสชาติเกาหลีแล้วนั้น ความนิยมจะเป็นคำตอบได้ว่า มาม่าในรูปแบบเกาหลีนี้ ในแต่ละรสชาติมีความอร่อยมากแค่ไหน
แต่ความลับอย่างหนึ่งก็คือ ตัวน้ำซุปหรือแม้กระทั่งในรูปแบบแห้งก็ตาม หากเรามีเครื่องวัตถุดิบต่างๆ เสริมเข้าไปในขณะที่วางหม้อ กระทะเหล็ก , กระทะเคลือบ ต้มน้ำบน เตาแก๊ส อย่างเช่น ลูกชิ้นเนื้อ , ลูกชิ้นปลา , หมูหยอง , กิมจิ , สาหร่ายเกาหลี , ต๊อกบกกี เติมความเค็มด้วย โชยุ ก็จะยิ่งทำให้น้ำซุปมีความหอมหวานมากขึ้น รวมถึงควรมีชามะลิใส่น้ำแข็งเย็นๆ วางข้างๆ เพื่อกินดับความเผ็ดร้อนร่วมไปด้วย
1.รสเผ็ดร้อน (Hot/Spicy Flavor)
การเปิดตัวของมาม่าในแบบเกาหลี เราจะจำได้ดีกับรสชาติเผ็ดร้อนนี้ ด้วยสัญลักษณ์ของซองบะหมี่ หรือแบบถ้วยก็ตาม ที่ในแต่ละยี่ห้อจะเน้นทำสีซองบะหมี่ออกมา ให้มีสีแดงสด หรือแดงเข้ม เพื่อเป็นการบอกถึงระดับความเผ็ดของเครื่องปรุงในซอง มีทั้งรูปแบบน้ำและแห้ง โดยที่ระดับความเผ็ดนั้นถือว่า เหมาะกับผู้ที่ชอบความเผ็ดแบบสุดขั้วกันเลยทีเดียว โดยความเผ็ดร้อนนี้ สามารถเรียกน้ำตาให้ไหลได้ในขณะที่กินไปด้วย
2.รสชีส (Cheese Flavor)
สายชีสทั้งหลายอาจจะต้องซื้อตุนไว้ที่บ้าน เพราะมาม่าเกาหลีรสชีสนี้จะเป็นที่ถูกใจคนส่วนใหญ่ ด้วยความหอมของตัวเชดด้าชีสกับรสชาติเผ็ดนิดๆ ของพริกเกาหลี และหากใครที่เคยกินรสชาตินี้ทั้งในแบบน้ำ และแบบแห้งแล้วจะรู้ได้ทันที ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเทเครื่องปรุงลงไปคลุกกันตัวเส้นบะหมี่ กลิ่นชีสแท้ๆ จะลอยขึ้นมาให้เราเกิดอาการหิวมากขึ้นได้อีก ซึ่งสูตรนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นสวรรค์ของคนรักชีสเลยทีเดียว
3.รสกิมจิ (Kimchi Flavor)
เครื่องของชาวเกาหลี ที่ต้องมีประจำมื้ออาหารทุกโต๊ะของทุกครอบครัวนั่นคือ ผักดอง หรือที่เรารู้จักในชื่อว่า กิมจิ ที่เกิดจากการนำเอาผักชนิดต่างๆ มาหมักกับพริกของเกาหลีที่เรียกว่า โกชูการุ ที่ถือว่าเป็นหนี่งในเครื่องเทศคนเกาหลี นอกเหนือจากที่เราเคยรู้จักอย่าง พริกโคชูจังมาแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกิมจิผักกาดขาว, กิมจิหัวไชเท้า หรือแม้แต่กิมจิต้นหอมก็ตาม ต่างให้รสชาติที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่เนื้อสัมผัสของผักในแต่ละชนิด รวมถึงกลิ่นหอมของผักแต่ละชนิดก็จะไม่เหมือนกัน การนำกิมจิมาทำเป็นหนี่งในรสชาติของมาม่าเกาหลีนี้นั้น ซึ่งทำให้รสชาตินี้ติดอันดับต้นๆ ของผู้ที่นิยมกินอาหารเกาหลี และหลงเสน่ห์ในผักดองกิมจิอยู่แล้ว
ความอร่อยของน้ำซุปรสชาตินี้ จะเข้มข้นและครบเครื่องมากขึ้น ถ้าเราเติมเต้าหู้อ่อน, เนื้อสัตว์, เห็ดสด, ผักโรยอย่างต้นหอมญี่ปุ่นหั่นซอยเพิ่มลงไป สำหรับรสชาตินี้นั้นทั้งผู้ที่กินเผ็ดมาก หรือผู้ที่กินเผ็ดน้อยก็สามารถที่จะกินได้ เราสามารถเพิ่มความเผ็ดมากขึ้นได้ จากการเติมพริกโคชูจัง เพื่อเพิ่มทั้งความเผ็ด และความหอมของตัวพริกได้อีก
4.รสจาจังมยอน หรือจาจาโรนี (Jjajangmyeon/Chacharoni Flavor)
มาม่าเกาหลีที่มีเอกลักษณ์หลักคือ ซอสสีดำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเรียกในแบบ จาจังมยอน หรือจาจาโรนีนั้น มีความหมายเหมือนกัน คือรสชาตินุ่มละมุนของซอสถั่วดำหมัก โดยซอสนี้เกิดจากการหมักของถั่วดำ และน้ำตาลคาราเมล ตัวซอสจะมีความเข้มข้นมาก แต่เมื่อเทเครื่องปรุงมาผสมรวมกับเส้นบะหมี่เกาหลีแล้วนั้น จะได้ความพอที่ตัวซอสสีดำเคลือบเส้นบะหมี่
เสน่ห์ของจาจังมยอน หรือจาจาโรนีนี้นั้น ยังเป็นที่ถูกใจสำหรับหลายคนที่ไม่นิยมกินรสเผ็ด หรือใครที่สามารถกินเผ็ดได้เพียงเล็กน้อย ใครที่อยากจะเรียนรู้วิธีทำก็สามารถซื้อมาม่าในเซเว่นรสชาติซอสถั่วดำ หรือซอสดำนี้ โดยที่ทำกินได้ง่ายๆ ถือว่าเป็นอีกหนี่งรสชาติที่คนไทยนิยมกิน สำหรับผู้ที่กินเผ็ดได้เล็กน้อย
5.รสบูลโกกิ (Bulgogi Flavor)
ใครที่เคยสั่งเมนูอาหารเกาหลีบูลโกกิมากินกันแล้ว คงเข้าใจกันดีว่ารสชาตินี้ก็คือ ดัดแปลงมาจากเนื้อผัดซอสเผ็ดนั่นเอง แต่ไม่ใช่จะมีเพียงรสชาติเผ็ดอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีความผสมผสานระหว่างความเผ็ดกับผัดเปรี้ยวหวาน ที่มีทั้งรสชาติเผ็ด, รสเค็ม และรสหวานตาม ใครที่เป็นสายกินเนื้อรับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะจะให้กลิ่นรสชาติเนื้อตามมาพร้อมกับเครื่องปรุง ที่เราเทผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ร่วมด้วย
6.รสคาโบนาร่า (Carbonara Flavor)
เมนูอาหารคาโบนาร่าถือว่าเป็นอีกจานยอดนิยมของใครหลายคน ที่ติดใจความเข้มข้นกับซอสสีขาวแบบนัวๆ และความหอมควบคู่กันไปด้วย แต่ความพิเศษของรสชาติรูปแบบนี้ในสไตล์บะหมี่เกาหลี่กึ่งสำเร็จรูปนี้ก็คือ การใส่รสชาติเผ็ดเข้าไปด้วยกันกับ ความหอมมันของตัวซอสคาโบนาร่า ทำให้ยิ่งตอบโจทย์ใครหลายคนที่อาจจะ เคยกินเมนูคาโบนาร่าแล้วเกิดความเลี่ยนได้แบบลงตัว และมีมิติของรสชาติที่มากขึ้น
7.รสต๊อกโบกี (Tteokbokki Flavor)
ส่วนใหญ่แล้วคนที่ชื่นชอบอาหารเกาหลี ถ้ามีกิมจิก็จะขาดวัตถุดิบหลักอย่าง แป้งต๊อก หรือต๊อกโบกีไม่ได้เลย ซึ่งทำมาจากคาแรต๊อก หรือเส้นแป้งข้าวเจ้านั่นเอง รสชาติแป้งต๊อกนี้จะเป็นการทำออกมาในรูปแบบของน้ำซุป ที่มีรสชาติเผ็ดแบบจางๆ เบาบาง ไม่เผ็ดจัดจ้าน รวมถึงให้ความหอมและกลิ่นของต๊อกโบกีร่วมด้วย
8.รสดั้งเดิม (Original Flavor)
นอกจากรสจาจังมยอน หรือรสจาจาโรนีที่เป็นซอสถั่วดำแบบไม่เผ็ด ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ไม่กินเผ็ดแล้วนั้น ยังมีรสดั้งเดิม หรือ Original นี้อีกรสหนึ่ง ที่ถึงแม้จะมีรสชาติความเผ็ดแต่ก็จะมีเล็กน้อย โดยจะเน้นน้ำซุปที่มีรสเค็มแบบหอมๆ มากกว่า หากเราใส่เนื้อสัตว์ และผักเพิ่มขึ้นจะยิ่งเพิ่มความอร่อยให้กับน้ำซุปรสชาตินี้ให้มีความหอมและมีความหวานมากขึ้น
9.รสบะหมี่เย็น (Cool Noodle Flavor)
หากใครเคยกินบะหมี่เย็นในแบบญี่ปุ่น ที่จุ่มกับน้ำซุปเข้มข้นที่ผ่านการต้มกับปลาโอแห้งแล้วนั้น จะต้องลองชิมรสชาตินี้ในแบบเกาหลีกันบ้าง ซึ่งเป็นในรูปแบบบะหมี่แห้ง ที่เราจะต้องผ่านการต้มเส้นให้สุกก่อน จากนั้นนำเส้นบะหมี่ไปแช่ในน้ำเย็น ให้เหมือนกับบะหมี่เย็น แล้วจึงนำขึ้นมาคลุกกับตัวซอสที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้าน เหมาะกับสายเผ็ดที่รับรองได้ถึงความอร่อย ในแบบที่ต้องเดินไปหาซื้อมาม่าเกาหลีในเซเว่นอีกครั้งเลยทีเดียว
10.รสแกงกะหรี่ (Curry Flavor)
ตัวเลือกของรสชาติของคนที่ไม่ชอบอะไรที่เดิมๆ ผงเครื่องแกงกะหรี่นี้รับรองได้ว่า นอกจากความเข้มข้นในรูปแบบแห้งแล้ว ยังได้เครื่องแกงกะหรี่ที่ไม่ใช่ในแบบไทย ที่เราเคยกินๆ กันมา แต่เป็นรสชาติของเครื่องแกงกะหรี่ในแบบอินเดีย ที่ทำให้ใครหลายคนหลงเสน่ห์มาแล้ว มาในรูปแบบเครื่องปรุงที่เมื่อคลุกรวมกับเส้นแล้ว เป็นความอร่อยแบบใหม่ๆ ที่หลายคนต้องติดใจ
11.รสหม่าล่า (Mala Chinese Flavor)
การผสมผสานระหว่างรสชาติเครื่องปรุงในแบบจีนๆ แต่ทำออกมาให้มีกลิ่นอายของ มาม่าเกาหลีที่เป็นแบบแห้ง ความเผ็ดร้อน และลิ้นชาจะทำให้สาวกหม่าล่าต้องไม่พลาด
12.รสบิบิม (Biblim Flavor)
เราคงคุ้นกับอาหารเกาหลีในแบบ บิบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลีกันแล้ว ซี่งคำว่ายำนั้นอาจไม่ได้มีความหมายว่าเผ็ดเหมือนอย่างอาหารของคนไทย แต่สำหรับรสชาตินี้นั้น บิบิม เป็นความหมายของการผสมผสานรสชาติที่หลากหลายมารวมกัน ในรูปแบบแห้ง และจะอร่อยมากขึ้นหากเราเติมวัตถุดิบต่างๆ เพิ่มเข้าไปเหมือนกับข้าวยำเกาหลี
วิธีเลือกซื้อมาม่าเกาหลี
1.รูปแบบ
เราจะเห็นว่าบางคนมีความชื่นชอบกินแบบแห้งมากกว่า หรือบางคนเลือกที่จะซดน้ำมากกว่าการกินแบบแห้ง และตัวเลือกนี้ก็มีการออกรสชาติมาให้หลากหลาย เหมาะสำหรับทั้งคนที่ชอบแบบแห้ง และแบบน้ำ
2.รสชาติ
ด้วยรสชาติที่มีให้เลือกได้หลากหลาย ผ่านสีบนตัวซอง ก็จะทำให้เราอร่อยได้แบบไม่จำเจ สามารถกินได้ทุกวัน อย่างเช่น วันนี้อาจจะต้มกินแบบเป็นชามส่วนตัว และพรุ่งนี้สามารถทำเป็นมาม่าหม้อไฟเกาหลีได้อีก พร้อมกับการเปลี่ยนรสชาติไปด้วย
3.บรรจุภัณฑ์
ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบซอง และแบบถ้วย ในวันนี้ที่ในแบบถ้วยนั้นก็จะมีแบบถ้วยเล็กสำหรับผู้หญิงที่กินน้อย หรือแบบชามใหญ๋ที่เน้นสำหรับผู้ที่ต้องการกินในปริมาณที่มากขึ้น ก็จะมีความสะดวกที่แตกต่างกันไป เพราะหากเราต้องการที่จะทำมาม่าหม้อไฟเกาหลีนั้น เราควรจะเลือกแบบซอง เพราะจะได้ก้อนบะหมี่ที่ใหญ่กว่า ส่วนหากอยู่นอกสถานที่ การพกแบบถ้วยไปก็จะช่วยให้ต้มกินได้ง่ายๆ ผ่านการเทน้ำร้อน และรอเพียงไม่นานก็สามารถกินได้
4.ยี่ห้อ
สำหรับใครที่เคยกินมาม่าในแบบเกาหลีนี้มาแล้ว และติดใจกับยี่ห้อที่เคยกินมาตลอด ซึ่งในแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติ และตัวเส้นที่ไม่ซ้ำกัน การทดลองกินยี่ห้อใหม่ๆ ดู อาจทำให้เรามีตัวเลือกในการทำมาม่าหม้อไฟเกาหลีกินในครั้งหน้าอีกด้วย
5.แหล่งที่เลือกซื้อ
เราจะเห็นว่าไม่ว่ารามยอน หรือมาม่าในแบบเกาหลีในวันนี้ ที่เราสามารถหาซื้อได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเลือกซื้อ มาม่าเกาหลีในเซเว่นใกล้บ้าน, ผ่านห้างสรรพสินค้า หรือผ่านช่องทางออนไลน์ แต่สำหรับบางรสชาตินั้น ก็อาจจะมีการขายผ่านบางช่องทางเท่านั้น สำหรับใครที่อาจจะหาซื้อรสชาติที่ตัวเองชอบไม่เจอ ลองเปลี่ยนช่องทาง หรือแหล่งเลือกซื้ออื่นๆ ดู อย่างเช่นบางรสชาติ ก็จะมีการวางขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น เป็นต้น
ระดับความเผ็ดของมาม่าเกาหลี
มาม่าสไตล์เกาหลี, รามยอน หรือราเมนก็ตาม รสชาติที่ทำออกมามีทั้งแบบเผ็ดมาก, เผ็ดกลาง และเผ็ดน้อย เพื่อตอบโจทย์ให้ทั้งคนที่ชื่นชอบกับรสชาติเผ็ดจัดจ้าน และผู้ที่กินเผ็ดได้น้อย โดยเราอาจจะสามารถแบ่งระดับความเผ็ดให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ด้วยการใช้ตัวเลขเป็นตัวแบ่ง ซึ่งในระดับเผ็ดน้อยอย่าง ระดับที่ 1 หรือ 2 นั้นก็อาจจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ที่มีความชอบในรสชาติเผ็ดได้มากน้อยแค่ไหน
เผ็ดมากระดับ 5
รสชาติจะเน้นระบุไว้ว่า เผ็ดร้อน หรือ Hot Spicy หรือมีเน้นว่า x2 Hot Spicy
เผ็ดระดับ 4
เราจะเห็นเพียงแค่บอกถึงคำว่าเผ็ดเท่านั้น หรือHot/Spicy
เผ็ดระดับ 3
ความเผ็ดในระดับนี้ เราจะสามารถบอกได้ว่า เป็นความเผ็ดระดับปานกลาง ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กินเผ็ดจัดได้ และคนที่กินเผ็ดได้ในระดับปานกลาง รวมถึงรสชาติที่มีการทำออกมาในรูปแบบแห้ง อย่างเช่น รสคาโบนาร่า, รสแกงกะหรี่, รสบะหมี่เย็น และรสหม่าล่า
เผ็ดอ่อนระดับ 2
ระดับความเผ็ดนี้ จะอยู่ในรสชาติเผ็ดแบบบางเบา ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบแห้งอย่าง รสชาติซอสถั่วดำ หรือจาจังมยอนก็ตาม ตัวอย่างรสชาติที่อยู่ในความเผ็ดระดับนี้คือ รสต๊อกโบกี, รสจาจังมยอน หรือรสจาจาโรนี และกิมจิ
เผ็ดน้อยระดับ 1
จะเป็นความเผ็ดที่เหมาะสำหรับผู้ที่กินเผ็ดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือมีรสชาติเผ็ดติดที่ปลายลิ้นในแต่ละคำที่เรากิน อย่างเช่น รสบิบิม, รสดั้งเดิม และรสบูลโกกิ
วิธีทำมาม่าเกาหลีหม้อไฟ
เมนูยอดนิยมในตอนนี้ ที่ไม่มีอะไรจะมาเกินมาม่าหม้อไฟเกาหลีอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีวิธีทำที่แสนจะง่ายดาย โดยเน้นการต้มไปเรื่อยๆ ในขณะที่นั่งกินกันเป็นกลุ่มใหญ่ เน้นเรื่องการใส่ผัก และเนื้อสัตว์ที่ควรจะหลากหลาย เพราะจะยิ่งทำให้น้ำซุปมีความหอม, เข้มข้น และหวานน่าซด เคล็ดลับของการทำมาม่าหม้อไฟในแบบเกาหลีก็คือ การเน้นที่ต้องกินตอนร้อนๆ โดยที่หากร้อนเกินไป เราสามารถเป่าให้คลายความร้อนลง แล้วค่อยกินทีละคำ
แต่ความหมายของคนเกาหลี ที่นิยมกินอาหารทุกอย่าง โดยเฉพาะอาหารที่เป็นลักษณะน้ำซุปในขณะที่ร้อนๆ นั้น เพราะอุณหภูมิความร้อน จะช่วยเพิ่มให้รสชาติอาหารอร่อยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงด้วยสภาพอากาศทางเกาหลีจะมีความหนาว และเย็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว การกินอาหารร้อนๆ ก็ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย และรักษาอุณหภูมิภายในร่างกายไม่ให้เป็นหวัดได้ง่ายอีกด้วย
1.เตรียมหม้อ, เตาแก๊ส และน้ำให้พร้อม
อุปกรณ์หลักก็คือหม้อ เราอาจจะเห็นตามร้านที่ต้องมีหม้อไฟอย่างดี แต่หากเราทำกินกันเองที่บ้านนั้น เราสามารถใช้เตาไฟฟ้ากับหม้อที่สามารถใช้ร่วมกันได้, กระทะไฟฟ้า, หรือแม้กระทั่ง หม้อข้าวไฟฟ้า ก็ได้ โดยเน้นในเรื่องที่สามารถตั้งความร้อนให้น้ำเดือดจัดได้ และสามารถปรับลดความร้อนลงได้ หรือดับไฟได้ ในขณะที่เครื่องทุกอย่างอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนจัดแล้ว
ส่วนน้ำที่ใส่เราสามารถใช้เป็นน้ำเปล่า หรือน้ำซุปก็ได้ ปริมาณน้ำที่ควรใส่ให้เกินครึ่งของหม้อที่ใช้ หรือเกินครึ่งของขวดน้ำปริมาณ 1,500 มิลลิลิตร ซึ่งในส่วนของเตาแก๊สนั้น หากเราต้องการนั่งกินไปด้วยกับคนในครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน พร้อมกับหม้อไฟเกาหลีร้อนๆ เราก็ควรเลือกแบบเตาไฟฟ้า หรือกระทะไฟฟ้า เป็นต้น แต่ถ้าเป็นเตาแก๊สเราสามารถที่จะต้มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย และยกหม้อนั้นมาวางกินกันเป็นกลุ่มบนโต๊ะ ก็จะได้ความร้อนในแบบเดียวกัน
2.วัตถุดิบที่เป็นผักสด
ตัวเลือกในการใส่ผักสดนั้นมีหลายชนิด โดยที่ส่วนใหญ่เราก็มักจะเลือกผักในชนิดที่เราชอบ แต่หากต้องการให้เข้ากันได้กับหม้อไฟเกาหลีนี้ก็คือ ไม่ควรขาดผักกาดขาว, ข้าวโพดฝักหั่นเป็นท่อนเล็กๆ, เห็ดสดออริจิ, หัวไชเท้าหั่นเป็นชิ้นหนา, แครอท, ข้าวโพดอ่อน และต้นหอมญี่ปุ่นหั่นซอยโรยด้านบน ในช่วงที่ทุกอย่างในหม้อไฟเดือดจัดแล้ว
3.วัตถุดิบที่เป็นเนื้อสัตว์
เราสามารถเลือกใส่ได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้าจะให้มีความอร่อย เราควรที่จะเลือกส่วนของเนื้อสัตว์ส่วนที่มีความหลากหลาย อย่างเช่น หากเป็นคนที่กินเนื้อไม่ได้ การเลือกเนื้อหมูก็ควรมีการใส่ส่วนของเนื้อหมูที่แตกต่างกัน เพราะเนื้อหมูในแต่ละส่วนก็จะให้เนื้อสัมผัส, ความนุ่ม, ไขมันที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น หมูสไลด์, หมูชิ้นหมัก, กระดูกอ่อนหมู, กระดูกซี่โครงหมู หรือกระดูกขาหลังหมูสับชิ้นเล็ก, เบคอน และหมูสามชั้นสไลด์ เป็นต้น
การที่เราเลือกใส่ในทุกส่วนของเนื้อสัตว์นั้น นอกจากจะได้น้ำซุปที่หอมหวานอร่อยแล้วนั้น ยังช่วยให้เราได้รับเนื้อสัมผัสในแต่ละชิ้นเนื้อสัตว์ที่แตกต่างกันไปด้วย และเมื่อรวมกับเครื่องปรุงในแต่ละรสชาติของมาม่าเกาหลี จะยิ่งทำให้หม้อไฟมีทั้งความละมุน และรสชาติที่หลากหลาย โดยเฉพาะที่ยิ่งต้มไปนานๆ เกิน 10 นาทีแล้วนั้น จะทำให้รสชาติความเข้มข้นทุกอย่างซึมเข้าเนื้อสัตว์ได้อย่างลงตัว
4.วัตถุดิบที่เป็นเส้น
แป้งต๊อก หรือเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น เราสามารถนำมาใส่ในหม้อไฟนี้ได้ แต่เส้นเหล่านี้ที่ควรจะใส่หลังจากที่ต้มเนื้อสัตว์ และผักเลย 10 นาทีขึ้นไปก่อน เพราะยิ่งต้มเส้นนานแป้งต๊อกก็จะเหนียว รวมถึงเส้นบะหมี่จะจะดูดน้ำ และมีเส้นอืด
5.เครื่องปรุงเพิ่มความเผ็ดและความเข้มข้น
นอกจากเครื่องปรุงที่หากใครใช้มาม่าเกาหลีแบบซอง และใส่เครื่องปรุงลงไปแล้ว อาจจะยังได้รสชาติที่ไม่เข้มข้นพอ หรือมีความเผ็ดที่น้อยไป เราสามารถเติมพริกโคชูจังสำเร็จรูป และเพิ่มความละมุนให้กับน้ำซุปด้วยผักดองกิมจิ หั่นเป็นชิ้นพอคำ ตามหลังด้วยไข่ไก่ตามความต้องการ เพราะทั้ง 3 อย่างนี้ จะเป็นตัวชูรสชาติ และเพิ่มความเข้มข้นให้กับหม้อไฟเกาหลีนี้ได้
เทคนิคต้มมาม่าเกาหลียังไงให้อร่อย
สรุป
จากทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ, ตัวเส้นบะหมี่เกาหลีที่หนานุ่ม และก้อนใหญ่ รวมถึงรสชาติเครื่องปรุง ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบเกาหลีเท่านั้น ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมมาม่าเกาหลี ถึงมีผู้คนติดใจและซื้อกินอยู่ตลอดจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นรสเผ็ด, เผ็ดน้อย หรือไม่เผ็ดก็ตาม ยิ่งได้ใส่ผัก, เนื้อสัตว์ หรือไข่เพิ่มเข้าไปด้วยแล้ว ต้องยกนิ้วให้พร้อมกับพูดว่า มาชิตะ ให้กับทุกรสชาติเลยทีเดียว
เชพขวัญ ขวัญเรือน ผู้ชำนาญการด้านการทำอาหารและเครื่องครัว ประสบการณ์ด้านการทำอาหารมากกว่า 20 ปี เคยอยู่ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง มีความรู้และเชี่ยวชาญ เป็นนักเขียนและวิจารณ์รีวิวอาหาร และแนะนำเครื่องใช้ในครัวเรือน
มาม่าเกาหลี Samyang
เส้นราเมงเหนียวนุ่ม หอม ฟินกับซอสเผ็ดจากเกาหลี เพิ่มความเข้มข้นของซอสคาร์โบนาร่า มากกว่าสูตรดั้งเดิม รสชาติละมุน กลมกล่อม
มาม่าเกาหลี Nongshim
– บะหมี่ที่นุ่มและเคี้ยวหนึบรวมกับน้ำซุปเนื้อรสเผ็ดสร้างสูตรที่สมบูรณ์แบบที่จะถูกใจทุกลิ้น
มาม่าเกาหลี ZHAWANG
มาม่าเกาหลี Ottogi
มาม่าเกาหลี Little cook
เส้นเหนียวนุ่ม เข้มข้น พร้อมเนื้อสัตว์ชิ้นโตในถ้วย
มีให้เลือกอร่อยระดับพรีเมี่ยม 3 รสชาติ
รสทงคัตสึสไปซี่มิโซะ , รสชีสและโบโลนาไก่แบบแห้ง และ รสไก่เผ็ดเกาหลี
มาม่าเกาหลี Youus Omori Kimchi Stew
น้ำซุปเข้มข้น เผ็ดปานกลาง หอมกิมจิ รสชาติต้นตำหรับออริจินอลแท้ๆ ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลี
สายเกาหลี ต้องไม่พลาดความอร่อยน้า
มาม่าเกาหลี NISSIN
แบบแห้ง
-สีดำ เผ็ดปกติ
-สีแดง เผ็ดx2
-สีส้ม ซอสครีมต้มยำมันกุ้ง
-สีเหลือง ไก่เผ็ดชีส
-ต้มยำกุ้งน้ำข้น
-หม่าล่า
มาม่าเกาหลี Samyang Buldak Hot Chicken
เส้นเหนียวนุ่ม ผสมซอสเผ็ดโหดส่งตรงจากเกาหลี สำหรับคนที่ชื่นชอบความเผ็ดร้อน
มาม่าเกาหลี Paldo bibim ramen
มาม่าเกาหลี TEUM-SAE SPICY NOODLE
น้ำซุปเข้มข้นรสเผ็ด รสชาติต้นตำหรับออริจินอลแท้ๆ เป็นราเมนยอดนิยมในร้านอาหารเกาหลี