อาหารลูกสุนัข คืออะไร
คือ อาหารที่มีการผลิตไว้ให้สำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการใส่เติมสารอาหาร ที่เหมาะสมกับช่วงวัย ที่กำลังสร้างกล้ามเนื้อทำให้อ้วน รวมถึงอวัยวะในแต่ละส่วนที่สำคัญ ทั้งกระดูก, ฟัน, ขน, สายตา และเซลล์ประสาท
อาหารสำหรับลูกสุนัขจึงจำเป็น ที่จะต้องมีแร่ธาตุ, วิตามิน, โปรตีน และแคลเซียม ที่เน้นเป็นพิเศษมากกว่า สุนัขในช่วงวัยอื่นๆ การเลือกพิจารณาอาหารสุนัขให้เหมาะกับช่วงวัยจริงของสุนัข จะช่วยให้ร่างกายสุนัขมีการเติบโตอ้วนท้วนได้อย่างสมบูรณ์
ประเภทของอาหารลูกสุนัข
รูปแบบของการตัวอาหารที่มีการผลิตออกมา สำหรับเฉพาะลูกสุนัขนั้นมีลักษณะเนื้ออาหารที่หลากหลาย และแตกต่างกันไป ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทั้งการปรับเปลี่ยนอาหารให้ไม่น่าเบื่อ และเพื่อให้ได้รู้ถึงความชอบของลูกสุนัข ที่บางตัวอาจจะมีความต้องการไม่เหมือนกันในแต่ละวัน หรือบางตัวอาจจะมีความชอบเฉพาะเจาะจงในรูปแบบอาหารแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
แต่โดยหลักๆ แล้วเราจะเน้นในเรื่องของ การให้คุณค่าของสารอาหารให้กับลูกสุนัขได้ครบ และต้องมีสารอาหารต่างๆ ที่ทั้งร่างกายของลูกสุนัขต้องการ และเข้าไปเสริมสร้างในการเจริญเติบโตร่วมด้วย ซึ่งหากลูกสุนัขกินอาหารยาก เราอาจจะเปิด แอร์อินเวอร์เตอร์ , แอร์ตั้งพื้น รวมถึงอย่าลืมตั้ง ที่กั้นบันได ไว้ เพื่อกันไม่ให้ลูกสุนัขวิ่งขึ้นลงในช่วงเวลากินอาหาร
สามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิดคือ
1.อาหารเม็ด
จะมีลักษณะเป็นรูปทรงต่างๆ ที่แล้วแต่ละยี่ห้อจะมีคิดค้น และดึงเอาส่วนดีของรูปทรงอาหารเม็ดนั้นมาผลิต อย่างเช่น รูปทรงกลม เม็ดเล็กสำหรับลูกสุนัข ที่ยังคงเป็นที่นิยม และกลืนง่ายสำหรับลูกสุนัขที่ยังมีฟันเริ่มขึ้นเท่านั้น การเคี้ยวอาจจะต้องใช้วิธีการอมให้นิ่ม และมีเหงือกช่วยในการบดอาหารเม็ดร่วมด้วย
ส่วนรูปทรงวงรี หรือเม็ดกลมแต่มีการผลิตออกมาในรูปแบบเล็กเป็นพิเศษ ก็ถือว่าเป็นอีกหนี่งรูปแบบอาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัข ที่น่าดึงดูดใจสำหรับตัวลูกสุนัขเอง และรวมถึงเจ้าของที่อยากจะเปลี่ยนสิ่งแปลกใหม่ ให้สุนัขตัวเองได้ลอง
แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีแกนหลักในการพิจารณาคือ สารอาหารที่เน้นเรื่องโปรตีน, เกลือแร่, ไขมัน และรวมถึงเปอร์เซ็นต์สารอาหารปลีกย่อยอื่นๆ ที่เน้นในการเสริมสร้างอวัยวะ และระบบต่างๆ ในร่างกายให้มีการทำงานได้สมบูรณ์
สำหรับการให้อาหารลูกสุนัขในรูปแบบเม็ดนี้นั้น สิ่งที่แนะนำคือ ควรที่จะมีการผสมน้ำสะอาด หรือนมสำหรับลูกสุนัขเข้าไปที่ตัวอาหารเม็ด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการทำให้อาหารเม็ดนิ่มในขณะที่ลูกสุนัขกินได้ทันที ไม่จำเป็นที่จะต้องอมในปากก่อน เพราะในบางกรณีลูกสุนัขบางตัวอาจจะกลืนทันที่โดยที่ไม่ผ่านการเคี้ยว หรือบดอาหารเม็ดด้วยเหงือกก่อนก็ได้
2.อาหารเปียกแบบเนื้อเจลลี่
อาหารลูกสุนัขในแบบเนื้อสัมผัสเจลลี่ จะมีส่วนประกอบของเจลลี่ที่ครอบคลุมตัวเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ออกมาให้เป็นทางเลือกหลากหลาย อย่างเช่น เนื้อทูน่า, เนื้อแซลมอน, เนื้อปลาทู, หรือเนื้อสัตว์บกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะ, เนื้อไก่, เนื้อวัว, หรือการผสมระหว่างเนื้อสัตว์กับผักชิ้นเล็กๆ ต่างๆ อย่างเช่น เนื้อไก่และผัก
เสน่ห์หรือข้อดีของอาหารรูปแบบนี้นั้น คือ การที่ลูกสุนัขจะกินได้ง่าย เพราะมีเนื้อเจลลี่ที่ลื่นเหลว ผสมร่วมกับเนื้อสัตว์ในปริมาณที่ไม่มาก จะช่วยในการเคี้ยวและกลืนได้ง่าย ไม่ได้เป็นเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่เกินไปสำหรับลูกสุนัข แตกต่างจากอาหารเปียกสุนัข หรืออาหารเนื้อเจลลี่สำหรับสุนัขโต
อาหารในรูปแบบนี้นั้น จะมาในบรรจุภัณฑ์แบบซอง ที่เราสามารถฉีกซองแล้วให้ลูกสุนัขกินได้ทันที หรือในอีกทางเลือกหนึ่งสามารถที่จะเทในชามกระเบื้อง เพื่ออุ่นให้ร้อนเล็กน้อย หากเป็นการใช้อุ่นในไมโครเวฟนั้น ไม่ควรถึง 1 นาที
เพื่อให้เนื้ออาหารมีความอุ่นเล็กน้อยก็เพียงพอ เพราะหากให้มีอุณหภูมิถึงกับร้อนแล้วนั้น ตัวเจลลี่จะละลาย และทำให้การเคี้ยว และกลืนของลูกสุนัขจะลำบาก
ในการเทอาหารเพื่อเตรียมให้กับลูกสุนัขนั้น ควรที่จะอย่าลืมการช่วยบี้ตัวเนื้อสัตว์ ที่ผสมกับเจลลี่ ให้มีความละเอียด หรือมีเนื้อที่ละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเคี้ยว และกลืน รวมถึงยังช่วยให้ระบบการย่อยของลูกสุนัขไม่มีปัญหา ในการปรับตัวในกรณีลูกสุนัขที่อายุไม่กี่สัปดาห์
3.อาหารเปียกแบบเนื้อมูส (Moose)
รูปแบบอาหารที่มีเนื้อเป็นมูสนั้น จะมีจุดเด่นอยู่ที่มีความละเอียด และเนียนในเนื้ออาหารเท่าๆ กัน จะไม่มีเนื้อสัตว์เป็นก้อนๆ ผสมกระจาย แต่จะเป็นการทำให้เนื้อสัตว์มีความละเอียด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับแบบเจลลี่นั้น ในรูปแบบนี้จะมีการกินที่ง่ายกว่ากันมาก แต่ในส่วนของราคาก็แตกต่างกันมากเช่นกัน
ซึ่งสำหรับบางยี่ห้อ ก็จะมีการแยกย่อยออกไปอีกว่า เป็นเนื้อมูสสำหรับลูกสุนัข และเนื้อมูสที่มีเนื้อหยาบขึ้น สำหรับลูกสุนัขที่มีอายุวัยใกล้ที่จะโต และสามารถกินอาหารเม็ดแบบสุนัขโตได้แล้ว หรือเรียกว่า Starter Moose
ซึ่งจะมีความละเอียดของเนื้อสัตว์น้อยลง เราไม่จำเป็นที่จะต้องเติมน้ำสะอาด หรือนมลงไปในอาหารประเภทนี้แล้ว เพราะเนื้อสัมผัสของอาหารผลิตออกมา เพื่อช่วยในการกินที่สามารถกลืนได้ง่าย
เราจะเห็นได้ว่าลูกสุนัขมีความชอบอาหารในลักษณะรูปแบบนี้มากกว่า แบบเจลลี่ สาเหตุหนี่งเลยก็คือ เปอร์เซ็นต์หรือสัดส่วนในการผสม ของตัวเนื้อสัตว์ในรูปแบบมูสจะมีมากกว่า อาหารในแบบเจลลี่ มีกลิ่นเนื้อสัตว์ที่มาจากธรรมชาติที่มากกว่า
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อกินเสร็จแล้ว สุนัขจะมีความสุขให้เราใส่ปลอกคอ และเตรียมตัวพร้อมที่จะออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน ความชอบที่จะวิ่งไล่ตาม จักรยานพับได้ จักรยานแม่บ้าน ที่เราขี่นำ
โดยที่เราจับเวลาการออกกำลังกายให้กับสุนัข ได้ด้วยนาฬิกาข้อมือ Samsung watch เมื่อลูกสุนัขออกกำลังกายเสร็จเข้ามาบ้าน ก็จะมีท่าทางร่าเริงสักพัก ไม่นานด้วยความที่เป็นลูกสุนัข กินอิ่ม ออกกำลังกายจนเหนื่อยแล้ว ก็เดินหา ที่นอนสุนัข ประจำของตัวเอง เพียงเท่านี้ก็เป็นหลักง่ายๆ ในการดูแลให้ลูกสุนัขมีสุขภาพที่ดีในช่วงวัยเริ่มต้นได้แล้ว
อาหารลูกสุนัข สัมพันธ์กับช่วงอายุ
อายุน้อยกว่า 3 เดือน | ให้อาหารวันละ 4 มื้อ | อาหารเม็ดผสมน้ำสะอาด หรือนม เพื่อให้อาหารนุ่ม |
อายุ 3-5 เดือน | ให้อาหารวันละ 3 มื้อ | อาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัข |
อายุมากกว่า 5 เดือน | ให้อาหารวันละ 1-2 มื้อ | เริ่มให้อาหารสำหรับสุนัขโต |
ดังนั้นอาหารลูกสุนัขจึงมีความเกี่ยวข้องกับทั้ง อายุ หรือช่วงวัยของสุนัข, จำนวนมื้อที่เราควรจะให้ รวมถึงลักษณะอาหารที่นอกจากอาหารเปียกที่จงจงเฉพาะสำหรับลูกสุนัขเท่านั้น ยังมีอาหารเม็ดที่มีลักษณะเม็ดที่เล็ก เหมาะสำหรับโครงสร้างฟันของลูกสุนัขที่กำลังขึ้น แต่ยังไม่แข็งแรง การให้อาหารสำหรับลูกสุนัขที่มีสายพันธุ์ต่างกัน แต่มีขนาดตัวของสายพันธุ์เท่ากัน อย่างเช่น พันธุ์ชิสุห์ กับพันธุ์ชิวาวา ก็สามารถให้ในรูปแบบของอาหารที่เหมือนกันได้
สายพันธุ์ขนาดเล็ก สามารถใช้เกณฑ์การกินอาหารสุนัขได้ตามที่แจ้งไว้ข้างต้น แต่หากเป็นสายพันธุ์ตัวใหญ่อย่าง อัลเซเซียน, โกลเด้นรีทรีฟเวอร์, อัลเซเซียน หรือไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นต้น
สามารถขยายระยะเวลาในการให้อาหารสำหรับลูกสุนัขไปอีก 1-2 เดือน โดยดูจากฟันที่กำลังขึ้น มีความแข็งแรงดีพอหรือไม่ ที่จะให้กินอาหารเม็ดอย่างเดียว แต่โดยหลักๆ แล้วการพิจารณาให้อาหารลูกสุนัข พิจารณาใน 3 ข้อหลักนี้
วิธีให้ อาหารลูกสุนัข
ก่อนอื่นที่เราจะเข้าใจวิธีการให้อาหารสุนัขนั้น อาจจะต้องเริ่มตั้งแต่ในช่วงอายุแรกคลอดของสุนัข ในกรณีที่เป็นบ้านเลี้ยงที่มีแม่สุนัข ตั้งท้องและคลอดลูกออกมา รวมถึงผู้ที่ซื้อสุนัขที่ยังเด็ก หรือยังกินนมจากแม่สุนัขได้ไม่กี่วันก็ตาม เป็นช่วงอายุของลูกสุนัขที่อยู่ระหว่าง 21 วันแรกหลังคลอด
ช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้น ลูกสุนัขจะมีอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ น้ำนมจากแม่สุนัขมีประโยชน์ และมีคุณค่าที่สุด ที่เป็นทั้งอาหาร และภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ หากเราเป็นบ้านที่มีแม่สุนัขคลอดลูกเอง ควรที่จะมีการดูแลเรื่องการให้นมกับลูกสุนัขได้ครบทุกตัว และสังเกตดูว่า มีลูกสุนัขตัวไหนที่กินนมได้น้อย หรือโดนตัวอื่นแย่งกิน
ระหว่างนั้นลูกสุนัขจะเพียงกิจกรรม ลุก, เดิน, คลาน, กินนมจากแม่สุนัข และนอนหลับจนถึงช่วงเวลา 3 สัปดาห์ หรือ 21 วันหลังคลอดแล้วนั้น เราจะเริ่มเห็นพัฒนาการของลูกสุนัขได้ว่า เริ่มเดินได้เอง
การขึ้นของฟัน และเล็บ และมีการตอบสนองต่อสิ่งที่เห็นได้เป็นอย่างดี การเริ่มฝึก และปรับการกินในรูปแบบใหม่ให้กับลูกสุนัข คือการให้ลูกสุนัขหัดเรียนรู้การกินอาหารได้เอง ที่ไม่ใช่อาหารจากน้ำนมของแม่สุนัขอีกแล้ว ซึ่งจะมีวิธีในการให้อาหารลูกสุนัขคือ
1.หลังการหย่านมจากแม่สุนัขแล้วนั้น ให้ลูกสุนัขกินนมซึ่งจะดีที่สุด หากเราเลือกเป็นนมผงสำหรับสุนัข หรือในรูปแบบกล่อง ช่วงเวลาที่ให้กินนม หรืออาหารเหลวนี้ คือหลังจากที่หย่านมแม่สุนัขแล้ว ให้กินอาหารเหลวต่อไป 3 สัปดาห์
2.หลังจากผ่าน 3 สัปดาห์แล้ว จึงสามารถที่จะเลือกอาหารลูกสุนัขได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัข, อาหารในแบบเจลลี่สำหรับลูกสุนัข หรืออาหารแบบมูสสำหรับลูกสุนัข
3.การเริ่มต้นให้ หรือการปรับเปลี่ยนให้ลูกสุนัข หันมากินอาหารอีกรูปแบบหนึ่งนั้น จึงควรเริ่มต้นที่การให้อาหารวันละ 1 มื้อก่อน ผ่านไปในแต่ละอาทิตย์สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้เป็น วันละ 2 มื้อ และวันละ 3-4 มื้อ ขึ้นอยู่กับอายุช่วงวัยของลูกสุนัข (สามารถดูตามตาราง หัวข้ออาหารลูกสุนัขสัมพันธ์กับอายุ)
4.อีกขั้นตอนหนึ่งสำหรับวิธีการให้อาหารลูกสุนัขคือ การที่เราจำเป็นต้องค่อยๆ ปรับการเรียนรู้ในการกินอาหารให้กับลูกสุนัขร่วมด้วย เพราะมีผลเกี่ยวข้องกับ เรื่องความสะอาด และเรื่องเชื้อโรคที่อาจทำให้ลูกสุนัขไม่สบายได้ อย่างเช่น การนำเท้าเหยียบเข้าไปในชามอาหาร, ชามนม เป็นต้น
5.หากเรามีลูกสุนัขหลายตัว การให้อาหารจำเป็นที่ต้องแยกชามอาหารของแต่ละตัว ตรงนี้เป็นการฝึกนิสัยในการกินชามของตัวเอง และเป็นเรื่องหนึ่งที่จะช่วยป้องกันเรื่องโรคติดต่อ หากมีลูกสุนัขตัวไหนไม่สบาย หรือมีเชื้อโรคที่สามารถติดต่อถึงกันได้
วิธีเลือกซื้อ อาหารลูกสุนัข
1.ส่วนผสม
ส่วนสำคัญของอาหารที่เราควรใส่ใจอย่างมาก สำหรับอาหารลูกสุนัขก็คือ โปรตีน เพราะด้วยกิจกรรมของลูกสุนัข ที่เน้นในเรื่องการวิ่งเล่น และอวัยวะในส่วนต่างๆ ที่กำลังเจริญเติบโต ที่จะต้องมีโปรตีนเข้าไปช่วยเสริมสร้าง ไม่ว่าจะเป็นสายตา, กล้ามเนื้อทุกส่วน การจะทำให้อ้วนรวมถึงเส้นประสาท และการทำงานของสมองร่วมด้วย
โดยอัตราส่วนของโปรตีนไม่ควรที่จะต่ำกว่า 26% หรือหากเราเลือกอาหารสำหรับลูกสุนัขในเกรดที่ดีหน่อย หรือเกรดพรีเมี่ยมนั้นส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 30% อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ เกลือแร่,วิตามิน และไขมัน มีผลต่อการระบบการทำงานของร่างกายโดยรวม ของลูกสุนัข
2.ลักษณะเม็ดอาหาร
อาหารเม็ดที่ผลิตออกมา เพื่อรองรับกลุ่มลูกสุนัขนั้น โดยหลักแล้วจะเน้นในความเป็นเม็ดทรงกลม ที่จะช่วยในเรื่องการกลืน เพราะในช่วงอายุของลูกสุนัขอาจจะยังไม่สามารถที่จะใช้ฟันเคี้ยวได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะใช้วิธีช่วยในการใส่น้ำ หรือนมเข้าไปในอาหารเม็ดแล้ว การกลืนอาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัขก็อาจจะลำบาก เพราะอยู่ในช่วงปรับตัวจากการกินนม มาเป็นกินอาหารหนัก
ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ รูปทรงรี หรือเป็นเม็ดลักษณะมน และเรียว ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่หากเราต้องการที่จะเปลี่ยนยี่ห้อ หรือรสชาติของอาหารเม็ด แม้กระทั่งอาหารเปียกที่เป็นแบบเจลลี่ หรือแบบมูสก็ตาม
เราควรที่จะมีการปรับรสชาติ หรือค่อยๆ เปลี่ยน โดยให้ลูกสุนัขจำอาหารรสชาติเดิมได้ แต่สามารถที่จะได้รับรสชาติใหม่ ที่ปนกับรสชาติที่เคยกิน ซึ่งจะทำให้สุนัขสามารถปรับการกินในอาหารยี่ห้อใหม่ๆ หรือรสชาติที่ไม่เคยกินได้
3.แหล่งผลิตอาหาร
สิ่งหนึ่งที่จะสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัขได้ว่า อาหารที่ซื้อมานั้นปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อลูกสุนัขที่กินในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นผลดีต่อสุขภาพของลูกสุนัขในวันข้างหน้าคือ การเลือกดูแหล่งโรงงาน และประเทศที่ผลิต ว่ามีความปลอดภัยสูงแค่ไหน
ส่วนใหญ่นั้นเรามักจะเห็นสินค้าที่เป็นอาหารสุนัข ที่เน้นในเรื่องความปลอดภัยของตัวส่วนผสม และวัตถุดิบที่นำมาผลิต จะเป็นประเทศในกลุ่มยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่
อาหารสำหรับลูกสุนัขแต่ละช่วงวัย
สรุป
เราคงทั้งเคยได้ยิน และรับรู้ได้จากประสบการณ์จริงของตัวเอง สำหรับผู้ที่มีลูกสุนัข หรือเลี้ยงสุนัขอยู่ในตอนนี้ว่า สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ และโลกทั้งใบของสุนัขคือตัวเรา แต่คำถามที่ตามมาว่า แล้วโลกทั้งใบของตัวเรามีสุนัข รวมถึงสังคม เพื่อนฝูง และสิ่งต่างๆ รอบตัวเราอย่างมากมาย เราให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเรามากแค่ไหน
หลายคนไม่สามารถบอกอะไรกับใครได้ แต่สามารถนั่งร้องไห้ และระบายความทุกข์กับลูกสุนัขที่เราเลี้ยงได้ มากกว่านั้นคือ ลูกสุนัข หรือสุนัขตัวนั้น รับรู้ได้ทุกคำพูด และทุกความรู้สึกที่เราแสดงออกมา ในทุกวันที่เราออกไปเรียนหนังสือ หรือเลิกงานกลับมา มีสิ่งมีชีวิตที่รอเรากลับมาอยู่หน้าบ้าน หรืออยู่ตรงประตูห้อง และมีอาการดีใจจนออกนอกหน้าเสมอ สิ่งเหล่านี้คือ ความรักที่ลูกสุนัข หรือสุนัขที่มีให้เราแบบหมดใจ
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
อาหารลูกสุนัข PEDIGREE
– รสตับ ผักและนม
– ปริมาณบรรจุ 2.7 กก.
– ดีต่อสุขภาพช่วยบำรุงขนให้เงางาม
– เหมาะสำหรับพัฒนาการของลูกสุนัข
อาหารลูกสุนัข IAMS
– เสริมสร้างพัฒนาการลูกสุนัขตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
– ช่วยระบบย่อยและขับถ่าย
– รสไก่ หอมกระตุ้นการเจริญอาหาร
อาหารลูกสุนัข PRO PLAN
– ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยระบบย่อยอาหาร
– บำรุงขนให้สวยงาม
อาหารลูกสุนัข SUPERCOAT
– ปริมาณบรรจุ 2.7 กก.
– ช่วยพัฒนาการด้านสมอง และการมองเห็น
– กระดูกและฟันแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
– ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ
อาหารลูกสุนัข Royal canin
– เหมาะสำหรับช่่วงวัยอายุ 1-2 เดือน
– ดูแลสุนัขระหว่างตั้งท้อง และให้นมลูก
– มีสารครบถ้วนเหมือนน้ำนมแม่ ช่วยหย่านมลูก
– ปรับเป็นอาหารกึ่งเหลวได้
อาหารลูกสุนัข SmartHeart
– ปริมาณบรรจุ 15 กก.
– ช่วยเรื่องสารอาหาร บำรุงดวงตา
– ดูแลสุขภาพผิวและเส้นขนให้เงางาม
อาหารลูกสุนัข Tiffany
– สำหรับ ลูกสุนัขอายุ 2-18 เดือน และแม่สุนัขตั้งท้อง
– เม็ดอาหารขนาดเล็กมีโปรตีนจากเนื้อไก่ป่นและเนื้อแกะป่น
– ช่วยบำรุงขนและผิวหนังให้สุขภาพดี ป้องกันเชื้อรา
อาหารลูกสุนัข Dr.LuvCare
– ปริมาณบรรจุ 15 กก.
– เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
– ลดความเสี่ยงจากภาวะไข้น้ำนมของแม่สุนัข
อาหารลูกสุนัข NATURE'S PROTECTION
– ปริมาณบรรจุ 7.5 กก.
– ช่วยกำจัดแบคทีเรียและสารพิษออกจากลำไส้
– ให้พลังงานสูง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
– เสริมสร้างกระดูกและฟัน
อาหารลูกสุนัข Ole
– รส เนื้อ นม ไก่ และผัก
– ควบคุมปริมาณโซเดียม (Low sodium)
– ขนาดบรรจุ 8 กก.