ปลาคาร์ฟ คืออะไร
คือ ปลาที่จัดอยู่ในกลุ่มของปลาน้ำจืด ประเภทเดียวกับปลาตะเพียน โดยสายพันธุ์ตั้งแต่แรกเริ่มนั้น จะมีเพียงแค่ 3 สีคือ สีแดง, สีขาว และสีน้ำเงิน ปลาคาร์ฟเริ่มมีความนิยมเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่น จากการที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ เพื่อเป็นอาหารในหน้าหนาว
ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า โค่ย หรือ Koi ซึ่งในปัจจุบันนี้การเลี้ยงปลาคาร์ฟที่ดีที่สุดให้โตเร็ว เร่งโต เพื่อเป็นความหมายของความร่ำรวย, เงินทองไหลมาเทมา, ความมีโชคลาภ และการประกอบธุรกิจที่มีความเจริญรุ่งเรืองรวมถึงจำนวนปลาคาร์ฟ ที่นิยมเลี้ยงกันจะต้องเป็นหมายเลขที่นำโชคดี
อย่างเช่น เลข 8 ที่คนจีนถือว่าเป็นเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรือเลข 9 ที่คนไทยเชื่อในคำพ้องเสียง หมายถึงความก้าวหน้าในทุกเรื่อง ปัจจุบันนี้การเลี้ยงปลาคาร์ฟ มีทั้งผู้ที่เลี้ยงเพื่อการค้า และเลี้ยงเพื่อความเป็นสิริมงคล ราคาปลาคาร์ฟมีตั้งแต่ 1,200 ต่อตัว จนถึงราคา 45,000 ต่อตัว หรือมากกว่านั้น ตามสายพันธุ์ และอายุช่วงวัยของตัวปลาคาร์ฟ
สายพันธุ์ปลาคาร์ฟที่นิยมเลี้ยง
1.สายพันธุ์ โคฮากุ(Kohaku)
เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดที่มีสีขาว และสีแดงบนตัว เป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ และมีความนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด มีการแบ่งแยกย่อยอีกเป็น นิดัง โคฮากุ 2 ตอน และ ซันดัง โคฮากุ 3 ตอน ที่มีทั้งสีดำ, สีขาว และสีแดง
2.สายพันธุ์ ไทโชซันโชกุ (Taisho Sanshoku)
หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าสายพันธุ์ ซันเก้ ที่เป็นการตั้งชื่อสายพันธุ์ตามยุคสมัยของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปี 1912-1926 มีความคล้ายกับสายพันธุ์โชว่า ตรงที่มีสี 3 สี และจุดดำๆ เรียกกันว่า ซูมิ ลักษณะเด่นคือ มีสีแดง, สีขาว และสีดำสนิท ส่วนที่จะสามารถสังเกตได้ง่าย สำหรับปลาคาร์ฟสายพันธุ์นี้ก็คือ สีดำจะไม่อยู่ที่บริเวณหัว และสีแดงจะไม่อยู่บริเวณครีบหาง
3.สายพันธุ์ โชว่า (Showa)
บนตัวปลาคาร์ฟจะมีสีดำ, สีแดง และสีขาว หากบนหัวมีสีดำ คือสายพันธุ์โชว่า ซึ่งคนส่วนใหญ่จะแยกไม่ออกระหว่าง สายพันธุ์โชว่า กับสายพันธุ์ซันเก้ เริ่มมีการเพาะสายพันธุ์นี้ขึ้นมาเมื่อปี 2508
4.สายพันธุ์ ตันโจ (Tancho)
การเลี้ยงปลาคาร์ฟให้โตเร็ว เร่งโต เพื่อที่ว่าจุดสีแดงที่อยู่กลางหัว จะเห็นได้ชัดเจน และครอบคลุมอยู่พื้นที่ของตา และจมูก แต่จะไม่ปิดตาหรือจมูก ลำตัวมีสีขาว เป็นสายพันธุ์ที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ว่า หายากที่สุด เพราะไม่สามารถที่จะเพาะพันธุ์เองได้
5.สายพันธุ์ คินจินริน (Kin Gin Rin)
ความสวยงามของสายพันธุ์นี้อยู่ที่ สีเงินที่มีความแวววาวบนเกร็ดสีขาว และสามารถแบ่งย่อยออกเป็น คาโดะกิน, ทามะกิน, ฮิโรชิมากิน และเบตะกิน
6.สายพันธุ์ อุสึริ โมโนะ (Utsurimono)
สายพันธุ์ที่มีความเด่นในเรื่องสีดำที่เด่นชัด มีการพาดสีดำมาที่หัว จนถึงท้องปลามีสลับสีขาว และสีดำ อุสึริมีเพียง 3 ชนิดคือ คิ อุสึริ ที่มีสีดำเหลือง เป็นชนิดที่หายาก, ชิโร อุสึริ มีสีขาวและสีดำ และ ไฮ อุสึริ มีสีดำ และสีแดง
7.อาซากิ (Asaki)
มีสีเงินเหลือบสีเทาบนตัวปลา โดยที่มีแก้ม, ลำตัวด้านข้าง และใต้ท้องด้านข้าง ไปถึงส่วนหางจะเป็นสีแดง ส่วนหัวจะเป็นสีขาว
8.โอกอน (Ogon)
เป็นสายพันธุ์ที่มีความนิยมเลี้ยงกันมาก มีลักษณะการว่ายน้ำที่ช้า สีบนตัวจะมีการแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ Yamabuki เป็นสีบรอนซ์ทอง ที่มีความสวยงาม และดูหรูหรา ส่วนอีกชนิดคือ Platinum เป็นสีขาวเทา
9.ซูซุย (Susui)
เป็นปลาคาร์ฟที่จดจำง่าย คือลักษณะบนตัวที่ไม่มีเกล็ด มีเกร็ดสีฟ้าเฉพาะที่กลางหลัง มีแถบ 2 ข้างครีบเป็นสีแดง เป็นสายพันธุ์ที่ผสมระหว่างพันธุ์ ปลาคาร์ฟเยอรมันที่ไม่มีเกล็ด หรือเรียกว่า Doitsugoi กับสายพันธุ์ Asaki
10.โกโรโมะ (Koromo)
มีลักษณะสีขาวอมฟ้าบนตัว ลวดลายสีแดง รวมถึงมีตาข่ายรูปพระจันทร์เสี้ยว เหลื่อมและซ้อนอยู่บนเกล็ด ความหมายโกโรโมะ แปลว่าเสื้อคลุม
วิธีเลี้ยงปลาคาร์ฟ ให้มีสีสวยและโตเร็ว
1.บ่อที่ใช้เลี้ยงปลาคาร์ฟ แนะนำให้ใช้เป็นบ่อซีเมนต์ เพื่อให้ใกล้ชิดกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่มีการเกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย ซี่งปลาคาร์ฟสามารถกินตะไคร่น้ำได้ ถือว่าเป็นหนึ่งอาหารทางธรรมชาติที่มีผลดีต่อสุขภาพปลา ซึ่งในอีกทางหนึ่งนั้นยังเป็นการเลี้ยงปลาคาร์ฟให้โตเร็ว เร่งโต ในแบบปลอดภัยที่สุด
2.ทำเลที่ตั้งในการวางบ่อปลาที่ดีที่สุดนั้น ควรที่จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ หรือ ต้นไม้ปลอม เพื่อไม่ให้โดนแสงแดดทางตรง เพราะจะมีปัญหาเรื่องสีบนตัวปลาคาร์ฟ ที่มีสีซีด และจืด ถึงแม้จะปรับสูตรอาหารเร่งสีอย่างไรก็ตาม เพราะสาเหตุเป็นที่ความร้อนจากแดดส่องมาถึงบ่อ
3.ในช่วงแรกในการเริ่มวางบ่อปลานั้น ควรที่จะมีการวางระบบเรื่องการไหลเวียนของน้ำ, ระบบกรองน้ำ และมีการติดตั้งตัว ปั๊มน้ำแรงดันคงที่ ให้เสร็จเรียบร้อยเลย เพราะเรื่องน้ำ และออกซิเจนมีส่วนสำคัญกับปลาคาร์ฟมากเท่าๆ กับอาหารเลยทีเดียว
4.น้ำที่เราควรใช้ในบ่อปลา ควรเน้นเป็นน้ำประปาจะดีที่สุด แล้วทำการปรับสภาพน้ำก่อนที่จะใส่ในบ่อปลา โดยการเติมยาฆ่าเชื้อ และปูนขาว เพื่อปรับสภาพน้ำให้เป็นกลางก่อน วางน้ำ 1-2 วัน จึงจะสามารถถ่ายลงบ่อได้ น้ำจึงจะสามารถนำมาเลี้ยงปลาได้อย่างปลอดภัย
5.การนำปลาคาร์ฟมาเริ่มเลี้ยงในบ่อนั้น แนะนำว่า ควรนำปลาคาร์ฟที่มีอายุระหว่าง 1-2 ปี ไม่ควรนำปลาคาร์ฟที่ตัวโตแล้วมาเลี้ยง หรือถ้ามีการนำลูกปลาคาร์ฟมาเลี้ยง ควรดูอาหารที่จะให้ตามตารางด้านล่าง อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการนำปลาชนิดอื่น มาเลี้ยงร่วมบ่อเดียวกับปลาคาร์ฟ เพราะอาจจะนำเชื้อโรคมาติดต่อในบ่อได้
6.อาหารที่สามารถนำมาเลี้ยงปลาคาร์ฟนั้น มีได้ตั้งแต่อาหารตามธรรมชาติ อย่างกุ้งสดบด, ปลาป่น, เนื้อหอย, ไรทะเล, ไรแดง หรืออาหารพวกพืชอย่างสาหร่าย, ข้าวสาลี, รำ, ผักกาด และตะไคร่ที่มีขึ้นตามธรรมชาติตามบ่อที่เราสร้างขึ้นอยู่แล้ว และวิธีการให้อาหารในแบบนี้ จะเป็นการเลี้ยงปลาคาร์ฟให้โตเร็ว เร่งโตได้อีกด้วย
7.การให้อาหารนั้นควรให้อยู่ที่ 2 มื้อต่อวัน และควรมีการให้ที่ตรงเวลาทุกวัน เพื่อให้ปลาคาร์ฟเกิดความเคยชิน การกะปริมาณอาหารปลาคาร์ฟในการให้ช่วงแรกๆ นั้น หากเรายังไม่รู้ปริมาณที่แน่ชัด ควรค่อยๆ ให้อาหาร เพื่อดูว่าอาหารมีการกินจนหมดหรือไม่
หรือสามารถถ่ายภาพบันทึกเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของปลาคาร์ฟด้วย โทรศัพท์กล้องสวย , กล้องไลก้า จะช่วยให้เราเห็นได้ทั้งการเจริญเติบโต และการกินอาหารของปลาคาร์ฟ
ควรเลือกที่จะให้อาหารเม็ดสำเร็จแบบลอยน้ำก่อน เพื่อที่จะรู้แน่ว่า ปลาคาร์ฟจำนวนที่เราเลี้ยงนั้น มีการกินอาหารอยู่ในจำนวนมากน้อยแค่ไหน ระหว่างนั้นเราสามารถชง ชาคาโมมายล์ , ชามะลิ , ชาเอิร์ลเกรย์ หรือชงกาแฟด้วย เครื่องชงกาแฟแคปซูล พร้อม ถ้วยกาแฟ และ ผลไม้อบกรอบ วางข้างๆ หากเราสังเกตเห็นว่ามีอาหารเหลือลอยน้ำ ควรตักทิ้งให้หมดในตอนนั้นเลย
8.หากน้ำในบ่อปลามีความขุ่น ควรมีการถ่ายน้ำเพื่อทำความสะอาด โดยการดูดน้ำออกไป 1 ใน 3 ของบ่อ ส่วนการถ่ายน้ำใหม่เข้าบ่อนั้น มีสิ่งที่ต้องระวังก็คือ น้ำที่ถ่ายลงไป ควรเป็นน้ำที่ผ่านการตั้งไว้ 1-2 วันเพื่อให้ไม่มีกลิ่นคลอรีน และต้องถ่ายน้ำเข้าให้เท่ากับน้ำที่ดูดออกไป
9.ปลาคาร์ฟจะอยู่ได้สบายในน้ำที่มีอุณหภูมิที่ 20-25 องศาเซลเซียส ดังนั้นการขุดบ่อลงดิน เป็นเรื่องที่ดีสำหรับปลา เพราะอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงช้า หรือไม่แกว่งนั่นเอง การให้บ่อปลามีแสงแดดเข้าถึงประมาณ 50% แต่หากมีแดดที่ส่องลงมาทางตรง ควรหาต้นไม้มาปลูกให้ร่มเงากับบ่อปลาคาร์ฟ
อาหารลูกปลาคาร์ฟ
ลูกปลาคาร์ฟแรกเกิด-2 อาทิตย์ | ให้อาหารธรรมชาติ, ไรแดง, ไข่มด |
อายุ 15-30 วัน | ให้อาหารธรรมชาติ, ปลาป่น, รำละเอียด |
อายุ 30-60 วัน | ให้ปลาป่น, รำละเอียด+อาหารสำเร็จรูป |
อายุ 2-3 เดือน | ปลาป่น, รำละเอียด, ปลายข้าว |
วิธีในการเลือกซื้ออาหารปลาคาร์ฟ
1.เลือกจากรูปแบบ
ตัวเลือกที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจ หรือพิจารณาในการเลือกซื้ออาหารปลาคาร์ฟได้ดีแบบง่ายๆ คือ รูปลักษณ์ของอาหารภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป อย่างอาหารเม็ด ที่มีส่วนผสมของทั้งวิตามิน, โปรตีน และแร่ธาตุ โดยมีการคำนวณแล้วว่า เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปลาคาร์ฟ
ตัวอย่างของอาหารที่มีการให้ปลาคาร์ฟ ที่ดีที่สุดทั้งแบบที่เป็นอาหารเม็ด สำเร็จรูป ที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูลิน่า มีคุณสมบัติในเรื่องการเพิ่มสีที่ตัวปลาคาร์ฟ ให้เด่น และชัดเจนมากขึ้น หรือ อาหารจากธรรมชาติ ทั้งที่เป็นเนื้อสัตว์ และพืชต่างๆ ร่วมด้วย อย่างเช่น กุ้ง, เนื้อหอย, หนอนแดง, ไรแดง, กุ้งบด, สาหร่าย, ตะไคร่น้ำ, ข้าวโพด, ผักกาด และข้าวสาลี เป็นต้น
ซึ่งรูปแบบอาหารที่แตกต่างกันนั้น มีผลช่วยให้สุขภาพปลาคาร์ฟมีความแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเรื่องความสวยงามให้ปลาที่เราเลี้ยง ซี่งนอกจากจำนวนตัว ที่ผู้เลี้ยงมักเห็นความสำคัญสำหรับการเลี้ยงปลาชนิดนี้แล้วนั้น สีสันบนตัวปลาก็มีความเชื่อว่า ควรที่จะเลี้ยงให้มีสีบนตัวปลาที่ชัดเจน และมีสีที่เข้ม แต่ทั้งนี้ปัจจัยอื่นๆ ก็มีผลต่อสีบนตัวปลาคาร์ฟด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร, สายพันธุ์ที่นำมาเลี้ยง และอุณหภูมิของน้ำร่วมด้วย
แบบเม็ดลอย
อาหารในแบบนี้นั้น จะมีข้อดีที่เราเห็นได้ชัดเลยคือ การดูแลรักษาความสะอาดของน้ำในบ่อได้ง่าย เพราะเราจะให้อาหารในปริมาณที่ มองเห็นได้ทันทีว่าปลากินหมด จะไม่มีการให้อาหารในปริมาณเยอะก่อน อาหารรูปแบบนี้ ไม่มีการจมลงใต้บ่อ ซี่งหากเป็นในกรณีที่ปลาคาร์ฟกินไม่หมดแล้ว เราสามารถที่จะใช้สวิงตักออกจากน้ำได้ทันที
แต่ทั้งนี้เราจะต้องดูและรู้ลักษณะนิสัยปลาคาร์ฟของเราด้วยว่า มีความชินมือ หรือคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อม และคนมากแค่ไหน ปลาคาร์ฟที่มีการเริ่มนำมาปล่อยเลี้ยงบางตัว ก็ไม่กล้าที่จะขึ้นมากินอาหารเหนือผิวน้ำ ซี่งหากเป็นแบบนี้แล้ว การให้อาหารในรูปแบบนี้ อาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของปลาที่เลี้ยงได้ รวมถึงความคล่องตัวในการว่ายน้ำด้วย หากเป็นปลาคาร์ฟที่มีอายุที่มาก หรือมีการว่ายน้ำที่ช้า ก็ไม่แนะนำที่จะใช้อาหารรูปแบบนี้ให้
รวมถึงการให้อาหารเม็ดในแบบลอยนี้ ช่วยทำให้เรามองเห็นความผิดปกติของปลาที่เราเลี้ยงได้เป็นอย่างดี เพราะเราจะเห็นอาหารที่ลอยเหนือน้ำ มีปลาคาร์ฟกินทุกตัวหรือไม่ เพราะนั่นจะเป็นการบอกได้ถึงสุขภาพของปลาแต่ละตัวที่เราเลี้ยง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงที่มีการเลี้ยงในจำนวนไม่มาก อย่างเช่น การเน้นตัวเลข 8 หรือ 9 จะมองเห็นได้ชัดเจนเลยว่า มีปลาคาร์ฟตัวไหนที่ไม่กินอาหารบ้าง
แบบเม็ดจม
ในทางกลับกันนั้น การเลือกอาหารเม็ดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เป็นแบบเม็ดจม ปลาคาร์ฟที่กินอาหารในรูปแบบนี้ได้ดี คือปลาที่มีอายุมาก หรือมีความลำบากในการขึ้นมากินอาหารเหนือผิวน้ำ ทั้งในเรื่องของการตื่นคน, ตื่นสิ่งแวดล้อม หรือลักษณะโครงสร้างที่ต้องเอนหลังกินลำบาก อย่างเช่นปลาคาร์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่มากๆ
การเลี่ยงโดยการให้อาหารในแบบจมน้ำ จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า อีกทั้งปลาที่มีอายุมาก หรือมีลักษณะการว่ายน้ำที่ช้า ไม่สามารถแย่งอาหารปลาตัวอื่นกินเหนือผิวน้ำได้ ก็จะทำให้ไม่ได้อาหารตามที่ร่างกายต้องการ แต่ในจุดที่ผู้เลี้ยงควรมีการใส่ใจ หลังจากที่เลือกให้อาหารรูปแบบจมน้ำนี้แล้วคือ การใส่ใจดูแลความสะอาดของน้ำในบ่อเป็นพิเศษ
เพราะอย่างที่เรารู้กันแล้วว่า อาหารเม็ดสำเร็จรูปแบบจม หากมีอาหารเหลือก็จะไปกองที่ก้นบ่อ แบบเดียวกับอาหารที่เราให้แบบธรรมชาติร่วมด้วย ดังนั้นควรที่จะดูเรื่องระบบกรองน้ำในบ่อให้สะอาด และคอยตรวจสอบเครื่องกรองน้ำ ให้มีการทำงานที่สมบูรณ์ร่วมด้วย เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญทีเดียว สำหรับสุขภาพที่แข็งแรงของปลาคาร์ฟ และความสวยงามของสีบนตัวปลาร่วมด้วย
แบบธรรมชาติ
การให้อาหารปลาคาร์ฟก็เหมือนกับคนเรา ที่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงสารอาหาร ที่ให้ครบ 5 หมู่ โดยหลักๆ แล้วที่ต้องเน้นตัวโปรตีนให้อยู่ที่ปริมาณ 37-42% สำหรับปลาคาร์ฟตัวขนาดเล็ก
และสำหรับปลาคาร์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่ ควรให้มีโปรตีนอยู่ที่ 28-32% แต่ทั้งนี้ควรให้อยู่ในระดับที่บอกไว้ดังนี้ เพราะหากมีการให้ตัวโปรตีนที่มากจนเกินไป อาจทำให้ปลาเกิดอาการท้องอืด หรือปัญหาอาหารย่อยยากในปลาได้
อาหารในรูปแบบธรรมชาตินั้น เราสามารถให้ร่วมกับอาหารเม็ดสำเร็จรูปได้ โดยส่วนใหญ่อาหารธรรมชาติ จะเป็นการเลี้ยงปลาคาร์ฟให้โตเร็ว เร่งโต ในขณะเดียวกันปลาคาร์ฟก็มีความสมบูรณ์ และแข็งแรง ไม่น้อยไปกว่าอาหารเม็ดแบบสำเร็จรูปเลย
โดยเฉพาะสาหร่ายสไปรูลิน่า ที่มีผลอย่างมากในการช่วยเสริมในเรื่องสีสันบนตัวปลาให้มีความสวยงาม และเห็นชัดเจนมากขึ้น
2.สูตรอาหาร
มีส่วนหนี่งที่ปลาคาร์ฟมีความคล้ายกับ ปลาทองก็คือ การที่ผู้เลี้ยงควรต้องมีความใส่ใจ นอกจากเรื่องอาหารที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของปลาแล้วนั้น เรื่องความสวยงามที่ถือว่าเป็นจุดขายของปลาคาร์ฟเลยทีเดียว การพิจารณาในเรื่องของสูตรอาหารก็มีความสำคัญ ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีสูตรเร่งสี, สูตรเร่งโต และสูตรสมดุลให้กับตัวปลา
แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผู้เลี้ยงบางส่วนอาจเจอกับ ตัวปลาที่มีสีเหลือง การเลือกเปลี่ยนสูตรอาหาร ตามสภาพปัญหาของปลาคาร์ฟ อย่างเช่น การปรับสูตรอาหารเป็น Perfect White เพื่อลดความเหลือง และให้มีสีออกขาวเงาแทน
หรือหากต้องการเร่งขนาดของตัวปลาให้โตขึ้น ใช้สูตรเร่งโต หรือ Growth, Hi Growth เป็นต้น ซึ่งผู้เลี้ยงอาจต้องใช้เวลาในการปรับสูตรดูตามหน้างาน ว่าปลาคาร์ฟของเรา มีปัญหาในช่วงนั้นเรื่องอะไรบ้าง
3.ขนาดเม็ด
มีหลักในการพิจารณาง่ายๆ คือเน้นในเรื่องของ อายุปลา และขนาดของตัวปลาคาร์ฟ ซึ่งขนาดของอาหารเม็ดสำเร็จรูป จะมีขนาดที่เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่า มีความเหมาะสมกับช่วงอายุ และขนาดของปลาคาร์ฟในตอนนี้ที่เราเลี้ยงอยู่หรือไม่ อย่างเช่น หากเป็นปลาคาร์ฟที่เป็นสายพันธุ์ขนาดใหญ่อย่าง โกโรโมะ หรือไอกอน ก็ควรที่จะให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปขนาดใหญ่
ซึ่งอาหารเม็ดสำเร็จรูปจะมีขนาดเม็ดตั้งแต่เม็ดเล็กมาก, เม็ดขนาดเล็ก, เม็ดขนาดกลาง และเม็ดใหญ่เลย ซี่งเหมาะกับปลาคาร์ฟ ที่มีขนาดตัวใหญ่เท่านั้น ซึ่งในกรณีที่ซื้ออาหารเม็ด นอกจากเราจะรู้ว่า ปลาชนิดนี้ควรที่จะเน้นในสารอาหารโปรตีนแล้ว อีกส่วนที่ควรระวัง ไม่ให้ปลาคาร์ฟรับสารอาหาร จำพวกคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปอีกด้วย
ส่วนสารอาหารที่เป็นไขมัน ควรมีการผสมในตัวอาหารเม็ดสำเร็จรูปอยู่ที่ 5-8% รวมถึงควรเลือกวิตามินที่มีทั้งแบบละลายในน้ำ และสามารถที่จะละลายในไขมันร่วมด้วย สุดท้ายอาหารเม็ดที่ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ขนาดของเม็ดเท่านั้น แต่การเลือกตัวแร่ธาตุที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ซี่งต้องมีตัวแคลเซียม และฟอสฟอรัสเป็นส่วนผสมในตัวอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเจริญอาหาร และกระดูกให้กับปลาคาร์ฟ
เทคนิคขุนปลาคาร์ฟให้โต
สรุป
เราคงเห็นกันแล้วว่า ปลาคาร์ฟไม่เพียงแต่เป็นแค่กระแสความนิยม หรือสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคลเท่านั้น แต่การเลี้ยงปลาคาร์ฟที่ไม่เพียงแต่ราคา ที่มีราคาสูงต่อตัวแล้ว รวมถึงการเจริญเติบโตในแต่ละเดือนของปลาชนิดนี้
ต้องแลกมาด้วยการดูแล และเอาใจใส่ของผู้เลี้ยงเป็นอย่างดี ซึ่งเราจะเห็นได้จากสีบนตัวปลาคาร์ฟ, ตำแหน่งของสี, ลักษณะสำคัญของแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงความสมบูรณ์ของขนาดปลาคาร์ฟ และการดูแลแบบนี้ต้องมาจากใจรักเท่านั้น
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
อาหารปลาคาร์ฟ Tenryu
– เน้นบำรุงรังไข่ และระบบสืบพันธุ๋
– ช่วยเสริมประสิทธิภาพในระบบการย่อยของปลา
– ไม่มีส่วนผสมสาหร่ายสไปรูลิน่า
– ปริมาณ 7 กก.
อาหารปลาคาร์ฟ Boost
– ปริมาณบรรจุขนาด 6.5 กก.
– เป็นสูตรที่ให้ปลากินได้ต่อเนื่องทุกวัน
– มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ช่วย ลดความเครียด
– น้ำผึ้งมีรสหวานที่ปลาชอบ ทำให้กินเก่งขึ้น
อาหารปลาคาร์ฟ Kori
– เม็ด 1.5 มม. ขนาด 1.5 กก. จำนวน 1 ถุง
– เพื่อให้ได้โครงสร้างปลาที่ใหญ่ สมบูรณ์แข็งแรง,
– ป้องกันปลาป่วยจากสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลง,
– สามรถเร่งสีของปลาโดยที่สีขาวไม่เหลือง
อาหารปลาคาร์ฟ Showaii
– ช่วยเร่งสี ให้ปลามีสีสันที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
– ป้องกันและลดการอับเสบ ของโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร
– เสริมประสิทธิภาพในระบบการย่อยของปลาด้วย
อาหารปลาคาร์ฟ AQUA MASTER
– เสริมสร้างความต้านทานโรค
– และเกลือแร่ที่มีประโยชน์ ต่อการพัฒนาโครงสร้าง และสีสัน
– ปริมาณบรรจุขนาด 1 กก.
อาหารปลาคาร์ฟ SAKURA
– และการเพิ่มสีสันของปลาในอาหารมื้อเดียว ด้วยคุณประโยชน์
– ช่วยการทำงานของระบบย่อยให้ดีขึ้นจึงทำให้ปลา
– เจริญอาหาร และเติบโตอย่างแข็งแรง
อาหารปลาคาร์ฟ IKKYU
– เหมาะสำหรับปลาคาร์ฟทุกสายพันธุ์ ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบ
– ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน เครื่องจักรที่ทันสมัย
– ช่วยให้ปลามีการเจริญเติบโตที่ดี โครงสร้างที่สวยงาม
อาหารปลาคาร์ฟ JPD
– ทำให้ปลามีรูปทรงสวยงามตามวัย และช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
– ช่วยในการย่อยและการดูดซึมของลำไส้
– ทำให้สีสดอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้สีขาวกลายเป็นสีเหลือง
อาหารปลาคาร์ฟ Optimum
– เหมาะสำหรับปลาคาร์ฟทุกสายพันธุ์
– มีวิตามินและแร่ธาตุ ทำให้ปลามีสุขภาพแข็งแรง
– ใช้แล้วน้ำไม่ขุ่น
อาหารปลาคาร์ฟ Hikari
– ช่วยให้ปลามีสุขภาพดี เป็นอาหารปลาชนิดลอยน้ำ
– ง่ายต่อการกินของปลา
– ลดปัญหาน้ำเสีย