ซาวด์บาร์ คืออะไร
Sound Bar คือ ลำโพงประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีคุณภาพเสียงดีกว่าสมาร์ททีวี ลักษณะจะเป็นลำโพงแท่งยาวๆ ดีไซน์แบบเรียบๆ มีการใช้งานที่คล้ายกับ ลำโพงบลูทูธ , ลำโพง marshall , ลำโพง bose เป็นต้น ถือเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งได้ค่อนข้างง่ายอยู่พอสมควร สามารถตั้งไว้ที่บริเวณหน้าทีวี หรือจะตั้งไว้ใต้ทีวีก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบหรือประเภทของ Soundbar แต่ละรุ่นด้วยว่ามีลักษณะแบบไหน แต่โดยทั่วไปแล้ว Soundbar จะเป็นอุปกรณ์ที่มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ที่ใช้งาน เพราะจะไม่มีสายขนาดยาวที่ทำให้รู้สึกเกะกะ
ภายใน Soundbar จะประกอบด้วยลำโพงแยกหลายตัว เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับทีวีด้วยบลูทูธหรือสัญญาณอื่นๆ แล้วจะรู้สึกได้ว่าคุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่มีการติดตั้งซาวด์บาร์ ซึ่งในบางรุ่นจะมีระบบจำลองเสียงรอบทิศทาง
โดยใช้หลักการคล้ายกับเสียงที่สะท้อนจากกำแพง และบางรุ่นจะแยกส่วนประกอบอย่างลำโพงซับวูฟเฟอร์ออกจากกัน แต่จะให้เสียงเบสที่ค่อนข้างดังและได้อรรถรสกว่า Soundbar แบบชิ้นเดียว ทั้งนี้แต่ละรุ่นนั้นจะมีราคาที่แตกต่างกัน โดยจะมีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น
ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ สำหรับคนที่รู้สึกว่าเสียงจากลำโพงของทีวีนั้นยังไม่ดังเท่าที่ควร หรือคุณภาพเสียงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากลำโพงส่วนมากจะมีขนาดค่อนข้างเล็กอยู่พอสมควร
เรียกได้ว่าเป็นลำโพงที่ไม่มีสนามเสียงในตัวเอง จึงทำให้เสียงที่ได้ยินนั้นอยู่เพียงแค่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ไม่มีเสียงรอบทิศทางมากนัก ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องมีลำโพงเสริมหรือ Soundbar เพื่อให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
ถึงแม้ว่า Soundbar จะเป็นลำโพงที่ให้เสียงรอบทิศทางที่ดี แต่ถ้าหากนำมาเทียบกับอุปกรณ์ในกลุ่มเดียวกันอย่าง Home Theater แล้วก็ต้องบอกว่าลำโพงแบบ Soundbar นั้นด้อยกว่า เพราะลำโพงแบบ Home Theater จะมีส่วนประกอบที่แยกกันหลายชิ้น
จึงทำให้มีเสียงรอบทิศทางที่ครอบคลุมกว่า อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ทั้ง 2 ประเภทนี้ต่างก็มีทั้งข้อและข้อเสียแตกต่างกันไป หากจะนำมาใช้ก็ควรจะเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับการใช้งานของตนเองเป็นหลัก
ซาวด์บาร์ มีกี่ประเภท
1. ประเภท Active
Soundbar ประเภท Active หรือแบบชิ้นเดียว เป็นลำโพงที่ทั้งระบบมีเพียงแค่ชิ้นเดียว ไม่มีซับวูฟเฟอร์และลำโพงคู่หลังแยกออกมาเหมือนกับประเภท Passive ซึ่งทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องมีอุปกรณ์อย่างอื่นมาเสริมมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีจุดด้อยก็คือมิติเสียงรอบทิศทางของ Soundbar ประเภทนี้จะไม่ดีเท่ากับแบบที่มีลำโพงคู่หลัง เพราะเสียงเบสไม่แน่นเท่ากับแบบที่มีซับวูฟเฟอร์
2. ประเภท Passive
Soundbar ประเภท Passive หรือแบบแยกชิ้น จะมีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับแบบชิ้นเดียว เนื่องจากมีการแยกส่วนประกอบออกหลายชิ้น โดยบางรุ่นนั้นจะมีทั้งบาร์ด้านหน้า ซับวูฟเฟอร์ และลำโพงคู่หลัง จะให้เสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา เนื่องจากมีแหล่งกำเนิดเสียงเป็นลำโพงคู่หลัง ไม่ต้องพึ่งเสียงสะท้อนหรือเสียงหลอกใดๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เปลืองพื้นที่ในการจัดวางเช่นกัน
ซาวด์บาร์ แตกต่างจากลำโพงไร้สายอย่างไร
ลำโพงไร้สาย (Wireless Speaker) เป็นลำโพงที่ใช้ในการเล่นไฟล์เสียงจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน , แท็บเล็ต , แล็ปท็อป , หูฟังเบสหนัก , หูฟังครอบหู , มือถือเกมมิ่ง , คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ , โน๊ตบุ๊ค hp , โน๊ตบุ๊ค acer , โน๊ตบุ๊ค asus เป็นต้น
ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ, WiFi และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดังกล่าว แต่ในด้านการให้เสียงนั้นยังด้อยกว่าซาวด์บาร์ จะเห็นได้ว่าลำโพงทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกัน Sound Bar นั้นออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับทีวีโดยเฉพาะ ส่วนลำโพงไร้สายสามารถเชื่อมต่อได้สะดวกและหลากหลาย ไม่ต้องพึ่งพาสายในการเชื่อมต่อ แต่คุณภาพเสียงยังเป็นรอง Sound Bar
จุดเด่นของซาวด์บาร์
1. กระจายเสียงได้ดีสม่ำเสมอ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Sound Bar เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มมิติของเสียงให้กับทีวี ซึ่งเป็นการกระจายเสียงแบบรอบทิศทาง ทำให้เสียงของทีวีในบ้านดังไปทั่วบริเวณ ต่างจากทีวีธรรมดาที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับ Sound Bar เสียงที่ได้ยินก็จะอยู่เพียงแค่บริเวณรอบๆ ทีวีเท่านั้น หากอยู่บริเวณอื่นๆ ก็จะไม่ได้ยิน
2. มีขนาดกะทัดรัด ไม่กินพื้นที่
โดยส่วนใหญ่ Sound Bar นั้นเป็นลำโพงที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถหยิบจับใช้ได้ง่าย และมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ซึ่งการนำมาติดตั้งหรือเชื่อมต่อกับทีวีนั้นจะไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก โดยสามารถวางไว้ที่ใดก็ได้ที่อยู่ใกล้กับทีวี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่จัดวางได้หลายรูปแบบ
3. ประหยัด คุ้มค่าการใช้จ่าย
ราคาของซาวด์บาร์มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์และองค์ประกอบของรุ่นนั้นๆ แต่โดยทั่วไปแล้วถือเป็นอุปกรณ์ที่ให้เสียงอย่างมีคุณภาพ สำหรับใครที่มีเงินไม่มากก็สามารถซื้อ Sound Bar ตามกำลังของตนเองได้ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มการรับชมทีวีให้สนุกและมีอรรถรสมากขึ้น
4. ติดตั้งง่าย
การติดตั้ง Sound Bar เข้ากับทีวีเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย มีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนนัก เพราะถูกออกแบบมาให้มีสายเดียว ซึ่งสามารถเชื่อมต่อโดยการเสียบเข้ากับรูเสียบของทีวีที่ออกแบบมาให้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งในปัจจุบันยังมี Sound Bar แบบไร้สายด้วย ทำให้การติดตั้งหรือเชื่อมต่อสะดวกสบายมากขึ้น
5. ดีไซน์สวยงาม
โดยทั่วไปแล้ว Sound Bar จะมีสีดำเป็นองค์ประกอบหลัก ดีไซน์แบบเรียบๆ แต่ดูสวยงามและทันสมัย ซึ่งลักษณะดังกล่าวนั้นสามารถเข้าได้กับทุกสถานที่ ไม่ว่าบ้านหรือสถานที่ของคุณจะมีลักษณะหรือรูปแบบใด การนำ Sound Bar ไปตั้งไว้ก็จะดูดีและมีความทันสมัยอย่างแน่นอน
6. เติมเต็มการรับชมทีวี
อย่างที่ทราบกันว่า Sound Bar นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทีวีมีเสียงดีขึ้น ยิ่งถ้าหากเป็นแบบที่มีซับวูฟเฟอร์ก็จะยิ่งได้เสียงทุ้มและมีมิติรอบทิศทางแบบ 360 จะทำให้เสียงในทีวีมีความใกล้เคียงกับเสียงจริงมากขึ้น ส่งผลให้การรับชมข่าว รายการทีวี ภาพยนตร์ ซีรีส์ และความบันเทิงด้านอื่นๆ ได้อารมณ์มากยิ่งขึ้น
วิธีการเลือกซื้อซาวด์บาร์
1. เลือกตามประเภท
โดยทั่วไป Sound Bar จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ แบบชิ้นเดียวและแบบแยกชิ้น ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับผู้ที่มีพื้นที่ขนาดเล็กหรือพื้นที่แคบอาจเลือกแบบชิ้นเดียว เพราะจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ ส่วนผู้ที่ต้องการมิติเสียงรอบทิศทางแบบคุณภาพดีและมีพื้นที่ติดตั้งค่อนข้างเยอะก็สามารถเลือกซื้อแบบแยกชิ้นได้
2. เลือกจำนวนแชนเนล
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับแชนเนลของ Sound Bar ก่อน สำหรับแชนเนลนั้นจะเป็นจำนวนช่องลำโพงของ Sound Bar ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่อยู่ภายใน สามารถสังเกตได้จากตัวเลขแรกที่ระบุไว้ ส่วนตัวเลขถัดมาที่อยู่หลังจุดจะบอกจำนวนของซับวูฟเฟอร์ ถือเป็นดอกลำโพงที่จะมอบเพิ่มให้เสียงมีความทุ้มมากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว Sound Bar จะมีตั้งแต่ 2.0 แชนเนลขึ้นไป
3. เลือกจากขนาดและดีไซน์การออกแบบ
โดยทั่วไปแล้วซาวด์บาร์จะออกแบบมาให้มีลักษณะยาว แต่มีขนาดเล็กหรือใหญ่แตกต่างกัน ส่วนมากแล้วจะมีดีไซน์แบบเรียบๆ โดยใช้สีดำเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง อย่างไรก็ตาม Sound Bar ในปัจจุบันก็จะออกแบบมาให้มีขนาดและดีไซน์แตกต่างกันไป หากจะเลือกให้ตอบโจทย์ต้องพิจารณาจากพื้นที่ติดตั้งและความชอบของตนเองเป็นหลัก
4. เลือกจากคุณภาพเสียง
คุณภาพเสียงเป็นคุณสมบัติหลักที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการเลือก Sound Bar มาใช้งาน เพราะทุกคนที่เลือกใช้อุปกรณ์ประเภทนี้ต่างก็ต้องการให้คุณภาพเสียงดีขึ้น เพราะฉะนั้นควรพิจารณาคุณสมบัติของแต่ละรุ่นว่าระบบเสียงมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน ในกรณีที่ต้องการเน้นเสียงเบสและมิติเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา ก็ต้องพิจารณาจากซับวูฟเฟอร์เป็นหลัก
5. เลือกจากการเชื่อมต่อ
ซาวด์บาร์เป็นลำโพงประเภทหนึ่งที่มีระบบการเชื่อมต่อแตกต่างกัน โดยจะมีทั้งแบบมีสายที่ใช้เสียบกับโทรทัศน์เพื่อเชื่อมต่อเข้ากัน และจะมีแบบไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธและอื่นๆ ได้ ซึ่งจะให้ความสะดวกสบายกว่า ในกรณีที่จะเลือกใช้แบบมีสายก็ควรเลือกซื้อแบบที่มีพอร์ตเยอะหน่อย เพื่อให้เชื่อมต่อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
6. เลือกจากความสะดวกสบายในการสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ
Sound Bar แต่ละรูปแบบและแต่ละรุ่นจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีการออกแบบที่หลากหลายที่จะช่วยตอบโจทย์คนได้หลายๆ กลุ่ม ดังนั้นถ้าหากต้องการความสะดวกสบายก็ควรเลือก Sound Bar ฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมีระบบการสั่งการที่ไม่ซับซ้อน เพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างไม่ยุ่งยาก
7. เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
หากไม่มั่นใจหรือไม่ทราบว่าควรจะเลือกซื้อ Sound Bar อย่างไรให้ได้คุณภาพสมกับราคา แนะนำให้เลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหรือแบรนด์ที่ดูเชื่อถือได้ และที่สำคัญแบรนด์นั้นจะต้องมีการรับรองมาตรฐานเรื่องเสียงด้วย เพื่อการันตีว่าสินค้าที่จะได้รับนั้นมีคุณภาพสมกับราคาและเหมาะกับการใช้งานของตนเอง
วิธีการดูแลรักษาซาวด์บาร์
1. หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนความชื้น
Sound Bar เป็นลำโพงประเภทหนึ่งที่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องพึ่งพาระบบไฟฟ้า เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับน้ำหรือความชื้นต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายและเป็นอันตรายได้
2. ใช้ผ้าหรือไม้ปัดขนไก่เช็ดทำความสะอาด
เมื่อใช้งานเป็นเวลานานแล้วพบว่ามีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดอยู่บนลำโพงซาวด์บาร์ แนะนำให้ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด หรือจะใช้ไม้ปัดขนไก่มาปัดฝุ่นก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้งานแต่ไม่ควรใช้น้ำในการทำความสะอาด
3. ใช้งานอย่างทะนุถนอม
ถึงแม้ว่า Sound Bar จะเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างมีคุณภาพ ใช้แล้วช่วยให้ทีวีในบ้านมีระบบเสียงดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหากใช้งานหนักๆ และไม่พยายามดูแลให้ดี ก็อาจจะเสียหายหรือพังได้ แนะนำว่าถ้าหากไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงการเปิดเสียงในระดับที่ดังมากเกินไป
4. ไม่ติดตั้งและใช้งานในบริเวณที่มีความร้อนหรือวัตถุไวไฟ
การเชื่อมต่อ Sound Bar เข้ากับทีวีนั้นสามารถทำได้ง่าย แต่ก็ควรคำนึงถึงพื้นที่ในการติดตั้งและใช้งานด้วยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หากพื้นที่นั้นเป็นบริเวณที่มีความร้อนหรือวัตถุไวไฟก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนสร้างความเสียหายให้กับบ้านและอุปกรณ์ดังกล่าวได้
คำถามที่พบบ่อย
1. กินไฟไหม
Sound Bar เป็นอุปกรณ์ประเภทหนึ่งที่พึ่งพาระบบไฟฟ้า เนื่องจากมีการเชื่อมต่อผ่านทีวีเพื่อให้ระบบเสียงดีขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการใช้ Sound Bar มาเชื่อมต่อเข้ากับทีวีนั้นก็สามารถกินไฟได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและซาวด์บาร์แต่ละรุ่นว่าจะกินไฟมากน้อยเพียงใด
2. ดียังไง
ซาวด์บาร์เป็นลำโพงที่ให้เสียงกระหึ่ม เสียงดัง และเสียงทุ้มแบบไม่แตก เมื่อนำมาเชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีก็จะช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น เนื่องจากจะช่วยเพิ่มมิติเสียงให้กับสมาร์ททีวีแบบรอบทิศทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละแบบด้วยว่ามีคุณสมบัติและความสามารถมากน้อยเพียงใด
3. จำเป็นไหม
สมาร์ททีวีจะมีข้อจำกัดทางด้านการให้เสียง เมื่อเราเปิดเสียงทีวีดังๆ เกินระดับที่พอดีแล้ว จะทำให้เสียงพร่าและเสียงแตกได้ ในขณะเดียวกันหากเราเปิดเสียงในระดับปกติก็จะรู้สึกว่าเสียงของทีวีนั้นยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร การเลือกใช้อุปกรณ์อย่าง Sound Bar ก็ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น เพราะจะช่วยเพิ่มมิติเสียงของทีวีได้ แต่ถ้าคุณพึงพอใจหรือคิดว่าทีวีที่บ้านเสียงดีอยู่แล้ว Sound Bar ก็อาจจะไม่จำเป็นก็ได้
ตัวอย่าง soundbar ยี่ห้อไหนดี
1.Samsung ซาวด์บาร์ รุ่น HW-R450/XT
ลำโพงซาวด์บาร์ยี่ห้อแบรนด์ดัง มีกำลังขับ RMS 200 วัตต์ ระบบเสียงแบบ Dolby Surround 2.1 CH มีระบบรับสัญญาณ Bluetooch และมีน้ำหนักเพียง 3.6 กิโลกรัม ใครที่ชอบเสียง Bass แน่น ๆ ลำโพงตัวนี้ยังมีระบบ Power Bass ที่ช่วยให้สัมผัสกับเสียงเบสแบบหนัก ๆ แน่น ๆ อย่างที่ต้องการอย่างแน่นอน
2.Garnab Jardib SB20 soundbar
ลำโพงดีไซน์ดูสวยงาม มีระบบเสียงที่ดีมาก ๆ สมกับราคาระดับหลักหมื่น ไม่ว่าห้องจะกว้างแค่ไหนก็สามารถได้ยินกันได้ทั่วทั้งห้อง สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง WiFi และ Bluetooch ภายในตัวประกอบไปด้วยไดร์เวอร์ถึง 6 ตัวแบ่งได้ตามการใช้งานเลย .ใครต้องการลำโพงซาวด์บาร์ที่ใช้ในระยะยาวมาก ๆ แนะนำรุ่นนี้
3.LG ซาวด์บาร์ รุ่น SJ4.DTHALLK
แสดงรายละเอียดแบบ HL-res ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ WAV, FLAC, ALAC ก็สามารถรับฟังได้แบบปกติ สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ ลำโพงจะปรับเสียงอัตโนมัติตามรายการที่รับฟังและให้เสียงมีความบาลานซ์กันอยู่เสมอ สามารถเล่นเสียงระดับ 4K ได้สามารถเชื่อมต่อทั้ง HDMI, Optical, Portable In และบลูทูธ
วิธีเลือกซื้อ Sound Bar ฉบับสมบูรณ์
สรุป
ซาวด์บาร์ เป็นลำโพงประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ทีวีมีคุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้การรับชมข่าวสาร และความบันเทิงต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น เพราะสมาร์ททีวีมีข้อจำกัดทางด้านระบบเสียง
ถึงแม้ว่าจะมีภาพและเสียงที่คมชัดก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพของเสียงนั้นยังทำได้ไม่ดีพอ การเชื่อมต่อ Sound Bar เข้าไปจะช่วยให้เสียงของสมาร์ททีวีมีมิติและได้อรรถรส แต่อย่างไรก็ตามก็ควรเลือกซื้อให้เหมาะสม ก็จะยิ่งตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
ซาวด์บาร์ Xiaomi Mi TV Speaker Theater Edition
– Bluetooth V5.0
– น้ำหนัก 2.3 kg
– ขนาด subwoofer 240mm x 240mm x 306mm
– น้ำหนัก subwoofer 4.3kg
ซาวด์บาร์ Xiaomi Redmi Bluetooth TV Speaker
– การเชื่อมต่อไร้สาย: Bluetooth 5.0
– ขนาดไดร์เวอร์: 45 x 80 มิลลิเมตร
– ขนาดสินค้า: 6.3 x 78 x 6.4 เซนติเมตร
– น้ำหนักสินค้า: 1.5 กิโลกรัม
ซาวด์บาร์ ROBOT RB480
-. ลำโพง 10 W หนึ่งคู่ เสียงที่ทรงพลัง
– .ชิปบลูทูธ 5.0 เชื่อมต่อเสถียรภายใน10ม.
– ขนาดผลิตภัณฑ์ ยาว 42 cm กว้าง 6 cm
– ใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง
ซาวด์บาร์ SAMSUNG T420 รุ่น HW-T420/XT
– สามารถปรับเป็น Game Mode อัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับเกมส์
– ปรับเสียงอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับฉากที่รับชม
– ขนาดสินค้า 86.0 x 5.4 x 7.4 cm.
ซาวด์บาร์ BINNIFA
– อุปกรณ์ปรับแต่งเสียงและประมวลผลให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี
– ขนาดสินค้า : L420 x W61 x H64.5 มม.
– มีช่องสำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟน หูฟัง และช่อง AUX
– มีฟังก์ชันป้องกันเสียงรบกวนอัตโนมัติ
ซาวด์บาร์ SAMSUNG T400 รุ่น HW-T400/XT
– ขนาดสินค้า 64.1 x 6.5 x 10.7 cm.
– มาพร้อมกับ Built-in Woofer
– ใช้รีโมททีวีควบคุมการทำงานได้
ซาวด์บาร์ JBL BAR 2.1
– ออกแบบให้วางที่ด้านหน้าของทีวี หรือจะแขวนเข้ากับกำแพง
– พร้อมปุ่มควบคุมที่ด้านบนของตัวลำโพง
– ส่วนช่องเชื่อมต่อต่างๆนั้นจะอยู่ที่ด้านหลังเพื่อความสะอาดตา
ซาวด์บาร์ CREATIVE Stage Air
– เวลาเล่นสูงสุด 6 ชั่วโมง
– ขนาดสินค้า 70 x 410 x 78 มม
– น้ำหนัก 910 กรัม
ซาวด์บาร์ Binnifa Live 1T
– การเชื่อมต่อครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB-A , AUX , Coaxial HDMi
– มาพร้อมรีโมทสั่งงาน สามารถสั่งงานแบบไร้สายได้ง่ายๆ
ซาวด์บาร์ SAMSUNG S61A
– เชื่อมต่อง่ายและเพลิดเพลินกับการใช้งาน
– ดีไซน์พรีเมียมสวยงาม เหมาะแก่การนำไปตกแต่งภายในห้อง
– ขนาดสินค้า 76.4 x 6.8 x 12.5 cm.
– น้ำหนักสินค้า 3 กก.